มหาทักษา 46 - พระพุทธรูปประจำวัน (14) เทวดานพเคราะห์

ในข้อเขียนตอนก่อนหน้า ผู้เขียนได้ทดลอง “จับคู่” และเสนอว่า “ท่านแต่ก่อน” ที่เลือกคาถาพระปริตรสวดรับเทวดาเสวยอายุตามคติมหาทักษา ดูเหมือนตั้งใจให้มีนัยสอดคล้องกับ “ปาง” คือท่าทางของพระพุทธรูป ที่เรียกกันว่า “พระประจำวัน”

ทว่ายังเหลือปัญหาใหญ่ใจกลางของเรื่องนี้อยู่คือ การกำหนดพระพุทธรูปประจำวันแต่ละปาง สำหรับเทวดานพเคราะห์แต่ละองค์ มีหลักเกณฑ์เช่นไร ?

ดังได้กล่าวมาแล้วหลายหนว่า ดูเหมือนยังไม่เคยมีผู้ให้คำอธิบายประเด็นนี้มาก่อน ฉะนั้น สิ่งที่ผู้เขียนจะนำเสนอต่อไปนี้จึงเป็นเพียง “ความพยายาม” ที่จะนำเสนอคำอธิบายซึ่งน่าจะ “เป็นไปได้” เท่านั้น เพราะเรื่องเหล่านี้ เราล้วนเป็นคนรุ่นหลัง เกิดไม่ทัน ไม่รู้ ไม่เห็น จึงต้องศึกษาค้นคว้ากันต่อไป รวมถึงทั้งอาจมี “ความเป็นไปได้” อื่นๆ อีกมากมาย

ในพุทธศาสนาเถรวาท มีกลุ่มคัมภีร์ที่เรียกว่าเป็นตำราโลกศาสตร์ ว่าด้วยระบบภูมิศาสตร์โบราณ อันอิงอยู่กับโลกทัศน์ทางศาสนา เล่มที่เราคุ้นหูกันได้แก่ “ไตรภูมิพระร่วง” หรือ “ไตรภูมิกถา” แต่ที่จริงยังมีอีกมากมายหลายฉบับ

เมื่อกล่าวถึงดินแดนชมพูทวีปอันเป็นที่อาศัยของมนุษย์ คัมภีร์โลกศาสตร์หลายเล่มจะระบุว่ามีศูนย์กลางอยู่ ณ โพธิบัลลังก์ สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า บางฉบับ เช่น “ไตรภูมิโลกวินิจฉัยกถา” ถึงกับขนานนามตำแหน่งนั้นว่า “ศีรษะแผ่นดิน”

โพธิบัลลังก์นับเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญเจ็ดแห่งที่พระพุทธองค์ประทับเสวยวิมุติสุขในช่วงเจ็ดสัปดาห์ ภายหลังตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ อันมีศัพท์เรียกรวมกันโดยเฉพาะว่า “สัตตมหาสถาน” (สัตตะ แปลว่าเจ็ด)

ในคัมภีร์ระบุตำแหน่งของสัตตมหาสถานเหล่านี้ไว้ โดยปักหมุดอ้างอิงเอาโพธิบัลลังก์เป็นจุดศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วย “มหาสถาน” ซึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ในแต่ละสัปดาห์อีกหกแห่ง คือ

  1. โพธิบัลลังก์ พระพุทธองค์ประทับนั่งเสวยวิมุตสุข ณ สถานที่ตรัสรู้ คือใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต่อมาอีก ๗ วัน ถือเป็นสัปดาห์ที่ ๑
  2. อนิมิสเจดีย์ พระพุทธองค์เสด็จดำเนินไปทางทิศอีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ) ของโพธิบัลลังก์ แล้วทรงหันกลับมายืนพิจารณาต้นพระศรีมหาโพธิ์โดยไม่กะพริบตาตลอดทั้ง ๗ วัน เพื่อแสดงคารวะต่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ นับเป็นสัปดาห์ที่ ๒
  3. รัตนจงกรมเจดีย์ ในสัปดาห์ที่ ๓ พระพุทธองค์ทรงดำเนินจงกรมไปมาระหว่างอนิมิสเจดีย์กับต้นพระศรีมหาโพธิ์ (บางคัมภีร์กล่าวว่าเสด็จดำเนินระหว่างอนิมิสเจดีย์กับต้นนิโครธ คือต้นไทร ทางทิศเหนือของโพธิบัลลังก์) ตลอดทั้ง ๗ วัน
  4. รัตนฆรเจดีย์ สถานที่ประทับนั่งเข้าสมาธิ ณ เรือนแก้ว (รัตนะ คือแก้ว ฆระ คือเรือน) ซึ่งเทพยดานิรมิตถวาย อยู่ด้านทิศพายัพ (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) ของโพธิบัลลังก์ ประทับอยู่ที่นี่ตลอด ๗ วันของสัปดาห์ที่ ๔
  5. อัชปาลนิโครธ พระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ โคนต้นไทร ที่พักของคนเลี้ยงแพะ (อัช คือแพะ ปาล คือผู้ดูแล นิโครธ คือไทร) ทางทิศบูรพา (ทิศตะวันออก) ของโพธิบัลลังก์ เป็นเวลา ๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๕
  6. มุจลินท์ ทางทิศอาคเนย์ (ทิศตะวันออกเฉียงใต้) ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ มีร่มไม้จิก (มุจลินท์) อยู่ริมสระน้ำใหญ่ซึ่งเรียกกันตามนามไม้ว่า “สระมุจลินท์” ที่นี่ พระพุทธองค์ประทับอยู่ในช่วงสัปดาห์ที่ ๖ ระหว่างนั้นเกิดพายุฝนแรงกล้า พระยานาคมุจลินท์ที่อาศัยอยู่ในสระจึงขึ้นมาขนดกายแผ่พังพานป้องลมบังฝนถวาย
  7. ราชายตนะ ตลอดทั้ง ๗ วันในสัปดาห์ที่ ๗ พระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ ร่มไม้เกด หรือราชายตนะ ทางทิศใต้ของโพธิบัลลังก์ ณ ที่นี้ พระอินทร์เสด็จมาถวายไม้สีพระทนต์และผลสมอ (บางคัมภีร์ว่าถวายน้ำสรงพระพักตร์) ต่อมา มีพ่อค้าสองคนคือนายตปุสสะและนายภัลลิกะเคลื่อนขบวนเกวียนผ่านมาพบเข้า รู้สึกศรัทธา จึงประสงค์จะถวายเสบียงกรังของคนเดินทาง คือข้าวสัตตูก้อนและข้าวสัตตูผง แต่ติดขัดว่าพระพุทธองค์ไม่มีบาตรที่จะรับภัตตาหาร ในครั้งนั้น ท้าวจตุโลกบาล ผู้รักษาทิศทั้งสี่ จึงเหาะลงมาถวายบาตรศิลาองค์ละใบ ทรงดำริว่าบรรพชิตไม่พึงมีบาตรมากกว่าใบหนึ่ง จึงอธิษฐานรวมบาตรทั้ง ๔ ใบเข้าด้วยกัน แล้วใช้รับข้าวสัตตูมาฉัน เมื่อนายวาณิชย์ทั้งสองทูลลาไปแล้ว พระพุทธองค์ทรงปรารภว่าธรรมที่ทรงค้นพบนั้นเป็นสิ่งละเอียดลึกซึ้ง ยากเกินสติปัญญาที่คนทั่วไปจะเข้าถึงได้ ทรงท้อพระทัยว่าจะไม่ทรงแสดงธรรมแก่มหาชน ขณะนั้นเอง ท้าวสหัมบดีพรหมจึงเสด็จลงมาอัญเชิญให้ทรงแสดงธรรม โดยยกอุปมาเทียบบุคคลกับบัวสี่เหล่า พระพุทธองค์จึงตกลงพระทัยว่าจะแสดงธรรมโปรดสัตว์โลกทั้งปวง