เรื่องและภาพโดย เริงฤทธิ์ คงเมือง

หลังเปิดฉากปะทะในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 มีรายงานจำนวนผู้อพยพพลเรือนไทยเกือบ 2 แสนคน ในศูนย์พักพิงกว่า 770 ศูนย์ ทั้งภาคตะวันออกและภาคอีสาน
ภาพเด็กหญิงกอดตุ๊กตาท้ายรถกระบะที่กำลังเร่งขับเคลื่อนออกนอกพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ บ่งบอกถึงสถานการณ์อันเลวร้าย เช่นเดียวกับภาพผู้สูงอายุขนย้ายข้าวของมาหลบภัยในบังเกอร์ หลังมีจรวด BM-21 หลายสิบลูกตกลงในไร่นารอบหมู่บ้าน
หลายชีวิตในศูนย์พักพิงชั่วคราว แม้ดูโอ่โถงแต่เต็มไปด้วยตะกอนความเครียดสะสม จนหน่วยงานต่าง ๆ ต้องเข้ามาทำกิจกรรมบำบัด
เหนืออื่นใดคือการปะทะทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งที่เป็นพลเรือนและทหาร เป็นความเสียหายที่ร้ายแรงเกินเยียวยา และจะกัดกินจิตใจผู้ต้องสูญเสียไปอีกนานแสนนาน
ชุดภาพสารคดีบันทึกเหตุการณ์ต่อไปนี้ เปรียบเสมือนรายงานจากหลังแนวปะทะ



“เลือดกำแตกเลย”
ลุงสมบัติ อิ่มใจ ชาวบ้านไทยสมบูรณ์ อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ เล่าเหตุการณ์ช่วงประมาณ 9 โมงเช้าของวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 หลังลูกจรวด BM 21 ตกลงข้างบ้าน แรงอัดอากาศและสะเก็ดระเบิดทำให้ผู้อาศัยในบ้านได้รับบาดเจ็บ 4 คน
ในจำนวนนี้มีเด็กวัย 2 เดือน และ 12 ขวบ ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขาและหน้าผากแรงอัดทำให้เลือดกำเดาไหลทะลัก ขณะที่ตัวบ้านได้รับความเสียหายไปครึ่งหลัง
“ผมออกไปตัดหญ้าให้วัว” เจ้าของบ้านเล่านาทีระเบิดถล่ม
แม้จะเป็นหมู่บ้านห่างจากแนวสู้รบร่วม 35 กิโลเมตร แต่กลับเป็นหนึ่งในตำบลกระสุนตกอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด โดยหลังเจรจาหยุดยิงชาวบ้านไทยสมบูรณ์ช่วยกันสำรวจเบื้องต้น พบร่อยรอยหัวระเบิดทั้งที่ทำงานและไม่ทำงานแล้วกว่า 37 ลูก นับว่าเป็นเรื่องโชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต
ขณะที่ห่างจากจุดนี้ไปราว 90 กิโลเมตร ขนานไปตามแนวตะเข็บชายแดนไทยกัมพูชาไม่มีคำว่าโชคดีที่นั่น
ราวหนึ่งชั่วโมงหลังลูกจรวดลงที่บ้านไทยสมบูรณ์และอีกหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนถูกโจมตี สิ่งที่ช็อกคนไทยทั้งประเทศคือคลิปวิดีโอที่เผยภาพเหตุการณ์ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมันบ้านผือ อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่ เศษซากอาคารปลิวกระจายตามแรงระเบิด เปลวเพลิงลุกไหม้ และควันสีดำพวยพุ่ง ก่อนจะมีรายงานพลเรือนไทยทั้งเด็กและผู้ใหญ่เสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บอีก 13 ราย



“ครึ่งคอก”
ที่ตัวเมืองสุรินทร์ จังหวัดที่มีรายงานกระสุนตกมากที่สุด ป้าติ้มจากบ้านพยุงสุข ตำบลโชคนาสาน อำเภอปราสาท ออกมาตระเวนขายล็อตเตอรีในตัวเมืองหลังออกไปกรีดยางพาราไม่ได้
หญิงร่างเล็กเล่าว่าเพิ่งได้กลับเข้าบ้านที่อยู่ติดแนวชายแดนหลังอพยพออกจากบ้านไปนาน 15 วันเพราะระเบิดตกใกล้หมู่บ้าน ข่าวสารพัดทิศทางในภาวะความตึงเครียดทำให้เธอตัดสินใจขายวัวออกไปครึ่งคอกในราคาตัวละ 3,000 บาท จากที่ซื้อมาในราคาตัวละหลักหมื่น
“เอาไว้ใช้ถ้าต้องอพยพรอบสอง”ป้าติ้มเล่าถึงแผนการใช้เงินหนึ่งหมื่นสองพันบาทจากการขายวัวไป 4 ตัว
ถึงวันนี้แม้ไม่มีการปะทะ แต่ทหารไทยหน้าแนวเหยียบทุ่นระเบิดไปแล้วสองนาย
“หวาดผวา ทุนสำรองเริ่มร่อยหรอ”
แม้จะไม่มีใครต้องการ แต่ปัญหาเศรษฐกิจ สาธารณสุข รวมถึงการศึกษาของเด็กๆ อาจกลายเป็นอีกแนวรบใหม่ที่คนชายแดนกำลังถูกผลักให้เข้าร่วม ภายใต้สมรภูมิความขัดแย้งที่ดูจะยืดเยื้อออกไป

“หลานผมนั่งอยู่ข้างในบ้าน เลือดกำเดาแตกเลย “
ผู้ประสบภัยเล่า


………….
ท่ามกลางความโศกเศร้า กองบัญชาการทหารไทยสรุปความสูญเสียนับจากเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่ช่องบกจนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2568 มีทหารไทยเสียชีวิต 16 นาย บาดเจ็บ 267 นาย พลเรือนไทยเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 39 ราย
ตลอดแนวชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี มีอาคารบ้านเรือนประชาชนรวมถึงโรงพยาบาลได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 256 หลัง ในจำนวนนี้มีบ้านเรือนเสียหายเกินกว่าร้อยละ 70 จำนวน 42 หลัง โดยวันที่ 28 กรกฎาคม 2568
กระทรวงมหาดไทยเผยยอดผู้อพยพในฝั่งไทยรวมกว่า 188,734 คน มีศูนย์พักพิง 770 แห่งใน 4 จังหวัดภาคอีสาน และ 3 จังหวัดของภาคตะวันออก