
พระพุทธรูปปางถวายเนตร เป็นพระพุทธรูปยืน ลืมพระเนตร (ลืมตา) พระหัตถ์ (มือ) ทั้งสองประสานกันอยู่ที่หน้าพระเพลา (ตัก) สร้างขึ้นตามนัยของพุทธประวัติว่า ภายหลังจากที่พระพุทธองค์ตรัสรู้แล้วและประทับอยู่ ณ โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ ครบ ๑ สัปดาห์ ครั้นถึงสัปดาห์ที่ ๒ เสด็จไปยืนทอดพระเนตรต้นมหาโพธิ์ ตลอดทั้งสัปดาห์ โดยไม่กะพริบพระเนตร (กะพริบตา) สถานที่นั้นจึงมีนามว่า “อนิมิสเจดีย์” (อนิมิส หมายถึง ไม่กะพริบตา)
ในวงราชสำนักนับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ มี “ประเพณีหลวง” ในการสร้างพระพุทธรูปปางนี้ อุทิศถวายแด่พระบรมวงศานุวงศ์ที่ประสูติในวันอาทิตย์ ธรรมเนียมนี้ส่งต่อขยายตัวมาเป็น “ประเพณีราษฎร์” ในเวลาต่อมา
ตัวอย่างที่น่าสนใจของ “ประเพณีหลวง” ดังกล่าว ได้แก่พระพุทธรูปปางถวายเนตร ทำด้วยปูนปลาสเตอร์ระบายสี มีขนาดสูงกว่าตัวคน คือ ๒ เมตร ปั้นหล่อขึ้นเมื่อราวปี ๒๔๕๒ ช่วงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
พระพุทธรูปปางถวายเนตรองค์นี้เป็นฝีมือประติมากรชาวอิตาลี ชื่อนายอัลฟอนโซ โตนาเรลลี (Alfonso Tonarelli) ซึ่งรัฐบาลสยามว่าจ้างให้เข้ามาทำงานตามโครงการก่อสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้นายโตนาเรลลีปั้นพระพุทธรูปองค์นี้เพื่อใช้เป็นต้นแบบให้ช่างนำไปสลักด้วยหินอ่อน สำหรับประดิษฐานเป็นอนิมิสเจดีย์ ณ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ในวัดเบญจมบพิตร อุทิศเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภช (๒๔๓๖-๒๕๕๒) พระราชโอรสผู้ทรงประสูติ ณ วันอาทิตย์ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๔๓๖
เข้าใจว่าคงเป็นพระราชประสงค์ของสมเด็จพระปิยมหาราชในอันที่จะให้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ตามแบบศิลปะคันธาระ (Gandhara Art) พุทธศิลปะเก่าแก่ที่ได้รับอิทธิพลศิลปะกรีก และเคยเฟื่องฟูในดินแดนที่เป็นประเทศปากีสถานและอัฟกานิสถาน ดังปรากฏความตอนหนึ่งในพระราชหัตถเลขาที่ทรงมีไปยังสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ช่วงเดือนตุลาคม ๒๔๕๒ เนื่องด้วยพระพุทธรูปองค์นี้และ “ตาคนนี้” คือนายโตนาเรลลี ว่า
“อยากเห็นพระเปนคน อยากให้เห็นหน้าเปนคนฉลาด อดทน มีความคิดมาก…หน้าตาพระพุทธเจ้าของหม่อมฉันเปนเช่นนี้ เห็นรู้จักปรากฏแก่ใจ แต่หากมือทำไม่เปน ไม่สามารถที่จะทำได้ด้วยมือตนเอง ไม่สามารถที่จะแนะนำให้ช่างแก้ไขให้ถึงใจได้ จึงหมดฝีมือกันเพียงเท่านี้เอง แต่ตาคนนี้ เปนผู้ที่เข้าใจดีกว่าช่างทั้งปวง ที่เคยเข้าใจถ้อยคำหม่อมฉัน”
หนึ่งปีต่อมา ในเดือนตุลาคม ๒๔๕๓ รัชกาลที่ ๕ เสด็จสวรรคต เข้าใจว่าโครงการจัดสร้างพระพุทธรูปปางถวายเนตรด้วยหินอ่อนจึงยุติไป และอาจด้วยเหตุที่เห็นกันว่าพระพุทธรูปต้นแบบองค์นี้เป็นแต่เพียงปูนปลาสเตอร์ระบายสี มิได้มีความสำคัญอะไรนัก ต่อมาจึงมีผู้ขออัญเชิญไปประดิษฐานที่กองลหุโทษ (คือในเรือนจำ) สำหรับให้นักโทษกราบไหว้
กระทั่งในปี ๒๔๗๑ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งขณะนั้นทรงได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร ทรงหวนระลึกถึงพระพุทธรูปองค์นี้ และทรงมีดำริว่าแม้มิได้เป็นของเก่าแก่ คือนับตั้งแต่สร้างขึ้นมาจนถึงขณะนั้น ก็เพียงไม่ถึง ๒๐ ปี ทว่าย่อมต้องถือเป็นพระพุทธรูปที่มีความสำคัญองค์หนึ่ง เพราะสร้างขึ้นตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงให้สืบเสาะค้นหา และเมื่อปรากฏว่านำไปประดิษฐานไว้ในคุก จึงทรงให้ติดต่อขอจากกองลหุโทษ แล้วนำกลับมาซ่อมแซม เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์
พระพุทธรูปปางถวายเนตร ฝีมือนายโตนาเรลลี ยังคงประดิษฐาน ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ชั้นล่างอาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ข้างสนามหลวง ตราบจนบัดนี้
ใครที่เกิดวันอาทิตย์ หากมีโอกาสควรแวะไปสักการะสักครั้งหนึ่ง