Page 186 - Skd 298-2552-12
P. 186

เลาะเลียบริมโขงในวันทงุ่

 เรื่อง : อรรถวฒุ  ิ ทีป่ รึกษา  ภาพ : วิจติ ต์ แซเ่ ฮ้ง

๑ทางหลวงหมายเลข ๒๑๑๒ ท่ที อดตัวยาวคดเคย้ี วไปมา คอื  “เสน้ ทางทอ่ งธรรมชาตเิ ลาะเลยี บ                                       ๑
    รมิ ฝง่ั โขง”  หากมาในชว่ งปลายฝนตน้ หนาวเชน่ ยามน ้ี ทางสายนจี้ ะดมู ชี วี ติ ชวี าดว้ ยดอกไมป้ า่
    ผลบิ านเต็มทุ่ง                                                                                                                  สรอ้ ยสุวรรณา
    เบงิ่ แอ่งนบั พันท่ี “สามพันโบก”                                                                                                    จอกบว่ าย
         จุดหมายแรกคือสามพันโบก อ. โพธ์ไิ ทร “อันซีนไทยแลนด”์  ท่โี ด่งดังอย่ใู นเวลาน้ี
         ทันทีที่ย่างกรายสู่ริมฝั่งโขง ก็พบเกาะแก่งหินกระจายตัวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาท่ามกลาง                                ภาพ : ระพีพร มีบัณฑิต
     สายนำ้� โขงสขี นุ่ โคลนเชย่ี วกราก  พนื้ ผวิ เกาะแกง่ เปน็ หลมุ เปน็ บอ่  เลก็ บา้ งใหญบ่ า้ งนบั รอ้ ยนบั พนั
     รูปลักษณง์ ดงามราวประติมากรรมกลางแจง้
         “โบก” เป็นภาษาอีสาน หมายถึงแก่ง หลุม หรือบ่อน�้ำลึก ซ่ึงเกิดจากก้อนกรวดก้อนหิน
     หรือเม็ดทรายท่ีไหลมากับสายนำ้� แล้วติดอยู่ตามรูเล็กๆ บนพื้นผิวหิน เม่ือกระแสนำ�้ ซ่ึงไหลเชี่ยว
     หมนุ วนกอ้ นกรวดเหลา่ นน้ั เป็นเวลานาน รเู ล็กๆ บนพ้ืนผวิ กข็ ยายใหญข่ ึ้น

๒ ชาวบ้านเรียก “สามพันโบก” เพราะมีโบกจ�ำนวนมหาศาล กินพื้นที่ถึง ๑๐ ตร.กม.  เดือน
     ต.ค.-พ.ค. น้�ำในล�ำน้�ำโขงแห้งขอด มองเห็นโบกได้ชัดเจน ลงไปเดินเล่นก็ได้ หรือจะชมทิวทัศน์
     ฝัง่ ลาวซ่งึ อยตู่ รงกนั ข้ามก็เหมาะ
    ไปดูเสาเฉลียงใหญ่ทภ่ี สู มุย
         เราเดินทางต่อบนเส้นทางเดิม อึดใจหนึ่งก็มาถึงภูสมุยในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม
     อ. โขงเจยี ม ทเ่ี ราต้งั ใจมาตามหาเสาเฉลียงใหญ่ทีส่ ดุ ในประเทศ
         เราเดนิ ไปบนลานหนิ โลง่ กวา้ งทแี่ มจ้ ะไรร้ ม่ ไม ้ แตร่ ะหวา่ งทางมดี อกไมป้ า่ ผลบิ านใหช้ น่ื ชม  ผมไมพ่ ลาด
     ทจ่ี ะเทยี บเคยี งดอกไมง้ ามตรงหนา้ กบั สารพนั ไมด้ อกในหนงั สอื  คมู่ อื ดอกไม ้ ทน่ี ำ� ตดิ ไปดว้ ย  เหลา่ ดอกไม้
     ทอี่ วดโฉมอยู่มีทง้ั ดอกหญ้าหางงอ สร้อยสวุ รรณา และกระดมุ เงิน
         เพียงคร ู่ “เสาเฉลียงใหญ”่  ก็ตงั้ ตระหงา่ นอย่เู บอื้ งหน้า

๓ เสาเฉลียงคือแท่งหินทรายท่ีถูกลมและฝนกัดกร่อนจนมีรูปลักษณ์แปลกตา เป็นแท่งหินสูงถึง ๒๐ ม.
     ดา้ นบนมแี ผน่ หนิ ขนาดใหญเ่ สน้ รอบวง ๓๐ ม. เทนิ อยดู่ คู ลา้ ยดอกเหด็ ยกั ษ ์ อกี หนง่ึ ความมหศั จรรยร์ งั สรรค์
     โดยธรรมชาติ
    ชมพระอาทิตยก์ อ่ นใครที่ผาชนะได
         “วนั นด้ี วงอาทติ ยข์ น้ึ ทผ่ี าชนะได อ. โขงเจยี ม จ. อบุ ลราชธาน ี เวลา...” เปน็ ประโยคทผี่ มไดย้ นิ ทกุ เชา้
     ในชว่ งพยากรณ์อากาศของสถานวี ิทยกุ ระจายเสียงแหง่ ประเทศไทย
         ผาชนะไดเปน็ ชะงอ่ นผารมิ ล�ำนำ้� โขง ตงั้ อยทู่ างตะวนั ออกสดุ แดนประเทศไทย ชาวโขงเจยี มจงึ ไดเ้ หน็
     ดวงอาทิตย์ข้ึนก่อนใครในประเทศ เหตุนี้กรมอุตุนิยมวิทยาจึงใช้ผาชนะไดเป็นจุดบอกเวลาดวงอาทิตย์ข้ึน
     ของไทย
         นอกจากนย้ี งั มสี ถานทเ่ี ทย่ี วทน่ี า่ สนใจ เชน่  เสาเฉลยี งค ู่ หนิ เตา่ ชมจนั ทร ์ ปา่ สนสองใบ นำ�้ ตกหว้ ยพอก
     และทงุ่ ดอกไมบ้ นลานหนิ ใหช้ ม  หากมาชว่ งปลายฝนตน้ หนาวกจ็ ะมโี อกาสไดช้ มทะเลหมอกในยามเชา้ ดว้ ย
                                      ฉบับท่ี ๒๙๘  ธันวาคม ๒๕๕๒ นิตยสารสารคดี 191
   181   182   183   184   185   186   187   188   189   190   191