Page 188 - Skd 298-2552-12
P. 188
>ใผเจส>ขน>.ะใู้ า้ขอฝหทพจบบุธ่ออ้ ริตวรลไนรรนตรรใษมการแหารชกห้เ(รหธลภเ่รมทาน็าาาฝนพยีงวศนาีนเร:ดผเ้ำ�พทัรวอื นิ่มจิธรวนติังราขดั อตษขนึ้กท์นัอาแใ.งุ่งขคงนซศดชเ่อ.ชฮรงางง้ว่เีาว)มงมพือทุงธ ฝีมือทป>ว่ีรัดะธศอณร.รรตี ีนเม ขว า่อืล(สภงแนาใสพนส์ ง งิ ส: หววศเ์ิจ่าทลิติงินปตอ์บะาแญรุษซม่เบวฮณน้งก) ์
อ. เขมราฐ
อ. นาตาล
อ. โพธไิ์ ทร
น สามพันโบก
2112 “หลอมเทียน หลอมบุญ หลอมใจ” เป็นกุศโลบายที่หลอมรวมชาวอุบลราชธานีเพื่อช่วยกัน
สบื สานประเพณีแหเ่ ทยี นพรรษาทีม่ มี าตง้ั แต่สมัยรัชกาลท่ ี ๕
ในอดีตชาวบ้านจะน�ำเทียนมาหลอมรวมกันเป็นเทียนเล่มใหญ่ตกแต่งด้วยกระดาษสี
รพชื ผล และเชอื กนำ� ไปถวายวดั ลว่ งถงึ พ.ศ. ๒๔๔๔ พลตร ี พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงสรรพสทิ ธ-ิ
ประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ ทรงริเร่ิมให้น�ำเทียนพรรษาของแต่ละวัดมาแห่ประกวดกัน
า ช ธ า นี2134 อ.ศรีเมืองใหม จนกลายเปน็ ขนบปฏบิ ัติสืบมาจนปจั จบุ นั
เทียนพรรษาเมืองอุบลมี ๓ ลักษณะ คือ เทียนติดลายแบบดั้งเดิม เทียนลายดอก และ
แดง ผาแตม เทยี นแกะสลกั เมอื่ ถงึ ชว่ งออกพรรษา ชาวอบุ ลจะนำ� รถแหเ่ ทยี นพรรษาทต่ี กแตง่ อยา่ งสวยงาม
แ ม นํ า โ ข ง มาประกวดกันบริเวณทงุ่ ศรเี มอื งใน อ. เมือง
อ. ตาลสมุ อ. โขงเจียม จุดชมวิวแมน ้ำสองสี
แกงตะนะ นอกจากน้ีศิลปกรรมอันเก่ียวเนื่องกับศาสนาท่ีปรากฏใน จ. อุบลราชธานี ดังเช่น
น จติ รกรรมฝาผนงั ในหอพระบาทและหอไตรทว่ี ดั ทงุ่ ศรเี มอื ง ธรรมาสนส์ งิ หเ์ ทนิ บษุ บกทวี่ ดั ศรนี วล-
แกง สะพือ แสงสว่างอารมณ ์ รางสรงนำ้� ทรงแกะสลกั เปน็ รปู พญานาค กากะเยยี หรอื รางโคง้ สำ� หรบั รองรบั
อ. สริ ินธร ใบลานเวลาพระสงฆเ์ ทศนา ทจ่ี ดั แสดงอยทู่ พ่ี พิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาต ิ อบุ ลราชธาน ี ลว้ นเปน็ สงิ่
217 ยนื ยนั ถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวอุบล
อ. พบิ ลู มงั สาหาร
างวีระวงศ
ย
2396 ภาพเขยี นสบี นผนงั ผาแตม้ มพี ฒั นาการมาตง้ั แตย่ คุ กอ่ นประวตั ศิ าสตร ์ อายไุ มน่ อ้ ยกวา่ ๓,๐๐๐ ปี
อดุ ม ผาแตม้ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของเขาทาม ในเขตอทุ ยานแหง่ ชาตผิ าแตม้ ท ่ี อ. โขงเจยี ม มลี กั ษณะ
2182 เปน็ เพงิ ผาสงู มไี หลเ่ ขาเปน็ ทางเดนิ ไปตามเพงิ ผายาวเหยยี ด จากเพงิ ผามองเหน็ ลำ� นำ�้ โขงไหล
อ. บุณฑรกิ คดเค้ียวอยู่เบ้ืองล่างท่ามกลางป่าเขียวขจี อ. ศรีศักร วัลลิโภดม นักโบราณคดี สันนิษฐานว่า
มนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นสังคมเกษตรกรรมเลือกผาแต้มเป็นสถานที่ประกอบ
2248 พธิ กี รรมอนั ศกั ดสิ์ ทิ ธ ิ์ เชน่ การขอฝนจากสงิ่ เหนอื ธรรมชาต ิ จงึ มกี ารเขยี นภาพสรี ปู ลกั ษณต์ า่ งๆ
อ. นาจะหลวย จำ� นวนมากไวบ้ นผนังผา เพ่อื เป็นสัญลักษณบ์ ่งบอกความเป็นพ้นื ทศี่ ักดิส์ ิทธ์ิ
ภาพเขียนสีที่ผาแต้มเขียนไปตามแนวยาวของผนังเป็นระยะทางเกือบ ๑ กม. แบ่งเป็น
๔ กลมุ่ กลมุ่ ๑-ผาขาม เปน็ ภาพปลาขนาดใหญ ่ ชา้ ง และโครงรา่ งของสตั วส์ เี่ ทา้ ทพ่ี รา่ เลอื น
ไปมากแล้ว กลุ่ม ๒-ผาแต้ม เป็นภาพช้าง ปลาบึก ฝ่ามือ และภาพคล้ายเครื่องมือหาปลาท่ี
เรยี กวา่ ตมุ้ กลมุ่ ๓-ผาหมอนนอ้ ย เปน็ ภาพการเพาะปลกู และรปู เรขาคณติ กลมุ่ ๔-ผาหมอน
เป็นภาพคล้ายคนนุ่งกระโปรงบาน
เทา้ เอวและภาพการล่าสตั ว์
< ภาพเขียนสีผาแตม้ สอื่ ถงึ วิถชี ีวิตและ
พิธีกรรมของคนยคุ กอ่ นประวัตศิ าสตร์
(ภาพ : วจิ ติ ต์ แซ่เฮ้ง)
ภมู ิลกั ษณผ์ าแตม้ สถานทีศ่ ักดส์ิ ิทธ์ิของมนุษย์ 190 นิตยสารสารคดี ฉบบั ท่ี ๒๙๘ ธนั วาคม ๒๕๕๒
สมัยก่อนประวตั ิศาสตร ์ (ภาพ : วิจิตต์ แซเ่ ฮ้ง)