Page 93 - Skd 361-2558-03
P. 93
เร่ือง : วรี ะศักร จันทร์สง่ แสง / ภาพ : ประเวช ตนั ตราภริ มย์
อนุสาวรีย์ของวีรบรุ ุษปรางคก์ ู่
ชอื่ วชิ ัย สรุ ิยุทธ ลกู โลกสเี ขยี วป ี ๒๕๔๕ ซงึ่ ปกี อ่ นนนั้ เขาประเมนิ ไมผ่ า่ นนะ ผมบอกถา้
ผมไมด่ พี อกไ็ มต่ อ้ งใหห้ รอก ตอนหลงั กไ็ ดร้ างวลั มาตลอด ไดป้ รญิ ญา
เกดิ ปี ๒๔๙๘ ท่อี �าเภออุทุมพรพิสัย จงั หวดั ศรีสะเกษ มหาบณั ฑติ กติ ติมศกั ดดิ์ า้ นสิง่ แวดลอ้ มจากสีส่ ถาบันดว้ ย
ท่ีอยู่ทท่ี า� งาน อา� เภอปรางคก์ ่ ู จังหวดั ศรสี ะเกษ
อาชีพ ตา� รวจ ยศสดุ ท้ายรอ้ ยต�ารวจตรี ท่ีเห็นและเป็นอยู่
ผลงานสร้างช่ือ ปลูกต้นไม้ในทีส่ าธารณะนับ ๒ ล้านต้น
ปลูกต้นไม้น่ีเรียกฝนได้ ลดภาวะโลกร้อนได้ ผมถึงได้บ้าอยู่กับ
ทีม่ า เรื่องนี้ หากรัฐบาลเอาแนวความคิดผมไปบูรณาการให้หน่วยงาน
ต่าง ๆ สืบสานต�านานคนสร้างป่าเหมือนหมวดวิชัย ท�าทุกที่ให้เหมือน
ผมได้แรงบันดาลใจจากโครงการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง กับ ปรางค์กู่ เติมเต็มต้นไม้ ท�าทุ่งให้เป็นป่า นาสวนเขียวขจีข้ึนมา คน
ได้เห็นข้อมูลเดิมเมื่อ ๓๐ ปีท่ีแล้วว่า ปรางค์กู่เป็นอ�าเภอยากจนท่ีสุด ระดบั รากหญ้าก็อยดู่ มี ีสขุ
ของศรสี ะเกษซึ่งเป็นจังหวัดยากจนที่สดุ ของประเทศไทย ผมในฐานะ
ข้าราชการชั้นผู้น้อยก็อยากจะช่วยสร้างปัจจัยสี่ด้วยการปลูกต้นไม้ ก็ ผมว่าเป็นบุญวาสนาของคนปรางค์กู่ท่ีมีผม ปรางค์กู่ตอนน ้ี
เร่มิ มาตัง้ แตก่ อ่ นป ี ๒๕๓๑ ไม่เหมือนเมอื่ ก่อน เขียวขจที ้งั หมดแลว้ หลงั จากท่ีผมปลูกตน้ ไม้
ไม่เบียดเบียนเวลาราชการ เงินเดือนไม่พอก็อาศัยขี้เหล็ก ผักบุ้ง เม่ือก่อนเขาหาว่าผมบ้า แต่ตอนนี้เขาบอก ขอโทษนะพ่อดาบ
มันไม่ยาก ขอให้หัวเขียวเสียอย่าง อะไรก็ง่ายหมด อยู่เมืองไทย ที่เม่ือก่อนสบประมาทว่าบ้าอย่างนั้นอย่างน้ี ตอนนี้ชาวปรางค์กู ่
อดอยากก็อายอสิ ราเอลเขาสิ ลืมตาอ้าปากได้ ผมพูดเสมอว่า ถ้าจนก็อายเจ๊กเขาสิ เขามาเสื่อผืน
หมอนใบ เมอ่ื กอ่ นเขากนิ อด ๆ อยาก ๆ ยกตวั อยา่ งกเ็ หน็ เขากบ็ อกใช ่ ๆ
ตงั้ ปณธิ านวา่ สกั วนั หนงึ่ คนปรางคก์ จู่ ะตอ้ งหายจากความยากจน ผมพดู อะไรเขาก็เช่อื หมดเพราะว่าผมทา� ประโยชน์ใหเ้ ขา ฮ่า ๆ
ปรางค์กู่จะต้องอยู่ในป่ายางนา กับอีกอย่างคือ ต้นตาล เพราะเรา
ปลูกอะไรก็แพ้วัวควาย แพ้ความแห้งแล้ง แต่ต้นตาลรอดและเป็นไม้ ท่ีภมู ิใจ
สารพดั ประโยชน์
ตอนน้ีอายุมากแลว้ สมองก็ยงั เขียว ทา� เหมือนเม่อื กอ่ นไมไ่ หว ก็
แรกสุดปลูกด้วยกล้าไม้ไม่ได้ผลเพราะต้องรดน�้า มันไม่ไหว เป็นวิทยากรบ้าง แจกเมล็ดพันธุ์บ้าง หารายได้ต้ังกองทุนหมวดวิชัย
เราก็มาเลยี นแบบธรรมชาตวิ า่ ควรปลูกดว้ ยเมลด็ พันธ์ ุ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ที่มหาวิชชาลัยของผม คือมหาวิชชาลัยธรรมชาต ิ
รวมตัวนักปราชญ์หัวเขียวที่มีความคิดสร้างสรรค์เรื่องสิ่งแวดล้อม
ที่ไป ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร ยอมเสียเปรียบตัวเองเพ่ือความสุขผู้อ่ืน มา
รวมกลุ่มกันท�าเรื่องธรรมชาติล้วน ๆ สืบสานต�านานคนสร้างป่าตาม
ไม้เติบโตขึ้นตามล�าดับก็เป็นความสุขของเรา เราเอาธรรมชาติ แบบดาบวชิ ัย
เป็นท่ีต้ัง เขาหาว่าผมบ้า ไปที่ไหนผมต้องปลูก ๆๆๆ เพื่อเป็นตัวอย่าง
ทมี่ คี ่ากวา่ ค�าสอน ผมไมอ่ ยากดงั แตห่ ากไดเ้ ผยแพรใ่ หค้ นรวู้ า่ มคี นบา้ น ๆ อยา่ งผม
ช่วยท�าให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง ผมก็ยินดี ปลูกต้นไม้ผมไม่ได้ค่าจ้าง
ทุกส่ิงทุกอย่างที่ผมท�าขึ้นน้ีไม่ได้หวังอะไรมากมาย นอกจากจะ อะไร ท่ีท�าไปนี้ผลประโยชน์อยู่ท่ีคนอ่ืน ผมท�าแต่มรรคผลเกิดอยู่ท่ี
ทา� ใหป้ รางค์กผู่ า่ นพน้ วิกฤตความยากจนท่สี ดุ ของประเทศไทย พวกเขา แค่นกี้ น็ ่าจะถอื ได้ว่าเปน็ ตัวอย่างทดี่ แี ลว้
ทา� มา ๗-๘ ป ี สอื่ ฯ เรมิ่ รจู้ กั กม็ าทา� ขา่ ว สารคด ี ถอื เปน็ นติ ยสาร
เจ้าแรก มาสัมภาษณ์ผมถึงบ้านก่อนคนอื่นจะรู้เร่ือง ผมได้รับรางวัล
มนี าคม ๒๕๕๘ 91