Page 150 - Skd 365-2558-07
P. 150

ลงไปท�ำกิจกรรมท่ีไหนก็โบกรถกันไป  ในพื้นท่ีก็อยู่กินกับ                       รวมตัวแล้วก็พากันออกไปเรียนรสู้ ังคมนอกห้องเรยี น
ชาวบา้ น                                                                          “พอไปเจอเร่ืองจริงก็เกิดการตั้งค�ำถามว่าความยุติธรรมคือ
                                                                              อะไร  ก่อนนัน้ เวลาไปเทีย่ วเขื่อนเราเหน็ แต่ความสวยงาม เพง่ิ ได้
    ไปเรียนรู้ความจริงนอกต�ำรา  ไปเป็นเพื่อนเป็นพวกของ                        มาเห็นอีกมุมว่าเข่ือนเอาท่ีชาวบ้านไปเป็นพัน ๆ  ครอบครัว  แต่
ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากสารพัดโครงการขนาดใหญ่  ไปให้                        ไฟฟ้าท่ีได้เอาไปตอบสนองใคร   เรารู้สึกว่าต้องสร้างห้องเรียน
ค�ำปรึกษาด้านกฎหมายและร่วมตอ่ สเู้ คียงข้าง                                   นอกมหาวิทยาลัยให้ได้เพื่อแลกเปลี่ยนกับเพื่อน ๆ  คนอ่ืน  จึงหัน
                                                                              ไปเน้นที่การลงพ้ืนท่ี  กินนอนอยู่ในชุมชน  ลงไปเพ่ือการศึกษา
    “อย่างกรณีเหมืองแร่เมืองเลย  ตอนจัดเวทีประชาพิจารณ์                       เป็นหลัก  เรียนรู้ปัญหาชาวบ้าน   พอเห็นปัญหาก็ท�ำให้รู้สึกว่า
เขากดี กนั ไมใ่ หช้ าวบา้ นฝา่ ยตอ่ ตา้ นเขา้ รว่ ม  ชาวบา้ นวา่ จะลม้ เวที   ศึกษาเฉย ๆ  ไม่ได้  ต้องร่วมต่อสู้กับชาวบ้านด้วย   บางที่ก็ได้
เรามองเห็นความรุนแรง  ก็ว่าจะไปอยู่ตรงกลางไม่ให้ปะทะกัน”                      รว่ มคิดออกแบบวางแผนการเคล่อื นไหวกับชาวบา้ น”
ไผ่เล่าย้อนถึงปฏิบัติการเมื่อวันที่  ๘  กันยายน  ๒๕๕๖  ที่ท�ำให้                  สิ่งท่ีได้เรียนรู้จากการลงพ้ืนท่ีและปัญหาของพี่น้องชาวบ้าน
ภาพของพวกเขาเผยแพรไ่ ปในวงกวา้ งมาก                                           ไดน้ ำ� มาเผยแพรใ่ นวารสารดาวดนิ  รายเดอื น ถา่ ยเอกสารเยบ็ เลม่
                                                                              แบบท�ำมือฉบับละราว  ๒๐๐  เล่ม  เผยแพร่ในมหาวิทยาลัย  และ
    เป็นปฏิบัติการสุดท้ายหลังขับเค่ียวกันมาท้ังวันจนแทบหมด                    มีการจัดวงคุยในมหาวิทยาลัยทุกเดือนเพื่อแลกเปลี่ยนกันเรื่อง
เรย่ี วแรงแลว้                                                                ปญั หาสงั คม
                                                                                  กลุ่มดาวดินไม่ได้มีโครงสร้างหรือระบบสมาชิกท่ีชัดเจน  ท�ำ
    ขณะนั้นหยาดฝนก�ำลังโปรยสาย  ขับฉากการต่อสู้ของ                            กิจกรรมแบบเพื่อนกัน ใครอยากไปกไ็ ปดว้ ยกนั ในช่วงปีแรก
นักศึกษาผู้มีเพียงสองมือเปล่าที่คุกเข่าลงอ้อนวอนเจ้าหน้าท่ีใน                     “พอปี  ๒  มีน้องใหม่เข้ามา  เราก็เพ่ิงรู้ว่าต้องมีการสืบทอด
เครื่องแบบให้เห็นใจชาวบ้านผู้เดือดร้อน-อย่างน่าสะทกสะเทือน                    เวทีแลกเปล่ียนของนักศึกษาที่เราพยายามสร้างมาเป็นรุ่นต่อรุ่น
ใจยิง่ นกั                                                                    มีคนสนใจอยากมาท�ำกิจกรรมด้วยกัน  เราก็ท�ำค่ายนิติศาสตร์
                                                                              เรยี นรสู้ งั คมขน้ึ มา เปน็ คา่ ยแรกของคณะ ลงพน้ื ที่ ๒๐ วนั  เรยี นรู้
    และเมื่อภาพนั้นถูกส่งต่อออกไปมันก็สั่นสะเทือนจิตใจของ                     ชีวิตกับชุมชนเรื่องขบวนการชาวนา   สมาชิกค่ายราว  ๕๐  คน
ผู้รักความเป็นธรรม  และเป็นค�ำตอบอันหนักแน่นให้กับค�ำถาม                      กระจายกนั ไปอยตู่ ามบ้าน”
เร้ือรังแห่งทศวรรษที่ว่า--พลังของขบวนการนักศึกษายุคน้ียังมี                       “จริง ๆ  ชาวบ้านก็คาดหวังว่านักศึกษาลงไปจะช่วยอะไร
อยู่ไหม ?                                                                     ได้เยอะ  โดยเฉพาะพวกเราเป็นนักศึกษากฎหมายด้วย   เราก็
                                                                              บอกเขาตรง ๆ  ว่าอาจช่วยอะไรได้ไม่มาก  แต่จะพยายามเท่าที่
    การปรากฏขึ้นของ  “ดาวดิน”  เป็นเสมือนรูปธรรมแห่งค�ำ                       ท�ำได้”  ภพเล่าถึงความคาดหวังของชาวบ้านต่อกระบวนการ
ประกาศวา่  กลมุ่ กอ้ นของนกั ศกึ ษาทท่ี ำ� กจิ กรรมสงั คมยงั ไมส่ น้ิ เชอ้ื   ค่ายนักศึกษาแบบใหม่  ท่ีไม่ได้เน้นการบ�ำเพ็ญประโยชน์ด้วย
ไปจากรวั้ มหาวิทยาลยั โดยสิน้ เชงิ                                            การสร้างถาวรวัตถุอกี ต่อไป แตเ่ ปน็ ค่ายศึกษาเรยี นรู้
                                                                                  “ไม่ได้ดูถูกค่ายสร้าง  แต่ว่าเราท�ำแบบน้ีแล้วมีประโยชน์
กำ� เนดิ ดาวดิน                                                               มากกว่า  ตรงการเรียนรู้ของนักศึกษานี่แหละ   การลงพื้นท่ีท�ำให้
                                                                              เรารวู้ า่ สงั คมยงั มแี งม่ มุ อกี เยอะ และวชิ ากฎหมายในมหาวทิ ยาลยั
    กลุ่มดาวดินก�ำเนิดมาพร้อม ๆ  กับคณะนิติศาสตร์  มหา                        ไมไ่ ดเ้ ช่ือมโยงกบั สังคมและตอบโจทยป์ ญั หาชาวบ้าน”
วทิ ยาลยั ขอนแกน่  (มข.) เมอ่ื ป ี ๒๕๔๗ ทวา่ เปน็ กลมุ่ อสิ ระทไี่ มอ่ ยู่        กลับจากออกค่ายสมาชิกดาวดินยังคงเกาะกลุ่มกันเหนียว
ในสังกัดหรอื ขนึ้ กบั มหาวิทยาลัยโดยตรง                                       แน่น  นอกจากเป็นเพื่อนร่วมเรียนคณะเดียวกัน  ท�ำกิจกรรม
                                                                              ด้วยกนั  พวกเขายงั หาเชา่ บา้ นอยดู่ ้วยกนั แทนการอยหู่ อพัก 
    ภพ (กรชนก แสนประเสรฐิ ) นกั ศกึ ษานติ ศิ าสตร ์ มข. รนุ่ แรก                  บ้านอันเอื้อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตรวมหมู่  เรียกช่ือตามนาม
และเปน็ สมาชกิ ดาวดนิ รนุ่ กอ่ ตง้ั  เลา่ วา่  ชว่ งซมั เมอรต์ อนเรยี นป ี ๑  ของกลุ่มวา่  บา้ นดาวดิน
เขากับเพื่อนอีก  ๑๐  คนเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครนักกฎหมาย                          บ้านไม้ครึ่งปูนสองชั้นแบบพื้นบ้านอีสานตั้งอยู่บนเน้ือท่ี
ของมูลนิธิอาสาสมัครเพ่ือสังคม  (มอส.)  กระจายกันไปอยู่ใน                      ราวครึ่งไร่ในซอยไม่ลึกด้านหลังมหาวิทยาลัยขอนแก่น   ตัวบ้าน
หลายพื้นที่ท่ัวประเทศเป็นเวลา  ๓  เดือน   เมื่อกลับมาพบกันที่                 ด้านหน้ามีใต้ถุนสูงเป็นลานท่ีพอเหมาะแก่ทุกกิจกรรม  ต้ังวงคุย
มหาวิทยาลยั อีกคร้งั ก็รสู้ ึกวา่ ตอ้ งทำ� อะไรตอ่ ในพื้นทภี่ าคอีสาน

    “ก็รวมตัวกันตั้งกลุ่มในตอนนั้น  ชื่อกลุ่มเผยแพร่กฎหมาย
สิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม  ท�ำวารสารแจกในมหาวิทยาลัย  ชื่อ
วารสารดาวดิน แล้วกลายเปน็ ช่ือกลุ่มไปเลย”

150 กรกฎาคม ๒๕๕๘
   145   146   147   148   149   150   151   152   153   154   155