Page 196 - Skd 365-2558-07
P. 196
“ซวอ่ ัฒนในนธจรติ รรมกมรอรญมว”ดั ไทรอารรี กั ษ์ สมยั ทา่ นยงั เดก็ เหน็ ชาวจนี โพน้ ทะเลถอื เสอ่ื ผนื หมอนใบมากราบไหวร้ อย
พระพุทธบาทที่น่ีไม่ขาดสาย จึงสันนิษฐานว่าคนจีนที่เจริญก้าวหน้าเป็น
ผู้ที่ช่ืนชอบจิตรกรรมฝาผนังคงรู้สึกเช่นกันว่า เวลาเรากวาดสายตา เจา้ สวั คงเปน็ ผรู้ วบรวมเงนิ สรา้ งเกง๋ จนี ขน้ึ เมอ่ื กวา่ ๑๐๐ ปมี าแลว้ เกง๋ จนี
ชมลายเส้นโบราณนั้นคือช่วงเวลาแห่งความสุข เหมือนเห็นเร่ืองราวใน ครอบรอยพระพทุ ธบาทลกั ษณะน้ีนา่ จะมีเพียงที่เดยี วในโลก
อดีตโลดแล่นขึ้นอีกคร้ัง ยิ่งได้ค้นพบภาพเล็กๆ ท่ีบันทึกชีวิตคนพ้ืนถ่ิน
แถบน้ันไว้ ยิ่งราวกับพบสมบัติล้�ำค่า ความรู้สึกดังว่าน้ีจะหวนกลับมา “รอยอดตี ” งดงาม ณ วดั คงคาราม
หากไดช้ มจติ รกรรมทีว่ ัดไทรอารรี ักษ์
วัดคงคาราม มีช่ือมอญว่า “เภี้ยโต้” หมายถึงวัดใหญ่ศูนย์กลางการ
วัดไทรอารีรักษ์เป็นศูนย์กลางชุมชนมอญโพธารามอีกแห่งหนึ่ง ประกอบพิธีกรรม วัดเก่าแก่อายุกว่า ๒๐๐ ปีแห่งน้ีรวมงานศิลปกรรมท่ี
ภายในโบสถม์ งี านจติ รกรรมอายกุ วา่ ๑๐๐ ปที ชี่ า่ งมอญชนั้ ครฝู ากฝมี อื ไว้ สะท้อนวิถีชาวมอญลุ่มนำ้� แม่กลองไว้ในจิตรกรรมฝาผนังและพิพิธภัณฑ์
ที่น่าชมคือภาพชีวิตและงานบุญประเพณีท่ีสอดแทรกอยู่ในภาพพุทธ- พ้ืนบา้ น
ประวัติ ดังเช่นภาพพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน ช่างวาดโกศเป็นโลง
ยอดผกั บงุ้ ลกั ษณะผายบนสอบลา่ งอยา่ งมอญแทนโกศทรงสงู ทเี่ หน็ ในงาน จติ รกรรมในโบสถเ์ ขยี นตามขนบประเพณ ี คือเป็นภาพพุทธประวัติ
จติ รกรรมฝาผนงั ทวั่ ไป หมอชวี กโกมารภจั จก์ เ็ ขยี นใหน้ งุ่ โสรง่ มผี า้ ขาวมา้ และทศชาติชาดก สิ่งที่สะดุดตาคือการใช้ “สีเขียวเข้ม” ซ่ึงไม่ค่อยพบ
ตาหมากรุกพาดไหลแ่ บบคนมอญ นับวา่ แปลกตาหาดูทอี่ ื่นไมไ่ ด้ ในจติ รกรรมยคุ เกา่ นกั ประวตั ศิ าสตรศ์ ลิ ปะสนั นษิ ฐานวา่ ภาพเดมิ นา่ จะ
เขียนต้ังแต่สมัยอยุธยา ก่อนจะมาซ่อมแซมคร้ังใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ ๔
อกี มมุ ทนี่ า่ ชมคอื ภาพมหรสพในงานฉลองพระเมรมุ าศ มกี ารแสดง โดยน�ำสเี ขียวเขม้ ซงึ่ เปน็ สเี คมจี ากตะวันตกมาใช้
โบราณหาชมยากอย่าง “ญวนหก” กายกรรมที่ผู้แสดงจะขึ้นไปที่สูงชวน
หวาดเสียว รวมท้ังมีละครและหนังใหญ่ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นหนังใหญ่ ในภาพมชี าวจนี ชาวตะวนั ตก จ�ำนวนมาก สะทอ้ นถงึ การตดิ ตอ่ กบั
วดั ขนอน ทวา่ ภาพทเ่ี ปน็ ทร่ี ำ�่ ลอื กค็ อื ภาพชายไวห้ นวดใสเ่ สอ้ื ราชปะแตน ชาวตา่ งชาติอย่างคกึ คักในยคุ น้ัน
ว่ากันวา่ คือสมเดจ็ พระพุทธเจ้าหลวง รชั กาลท่ ี ๕
ชีวิตริมน้�ำของคนโพธารามก็ถูกบันทึกไว้ด้วย อย่างการปลูกเรือน
ภายในวดั ยงั มสี งิ่ นา่ ชมคอื เกง๋ จนี กบั รอยพระพทุ ธบาทในวหิ าร ไมม่ ี ที่คนมอญนิยมหันหน้าบ้านไปทาง
หลักฐานว่าสร้างเมื่อใด พระครูไกรสุรวรคุณ อดีตเจ้าอาวาส เล่าไว้ว่า ทิศเหนือเพราะเช่ือว่าอยู่แล้วร่มเย็น
เป็นสุข ท�ำให้บ้านบางหลังหน้าจ่ัว
วัฒนธรรมมอญ หันออกแม่น�้ำเหมือนขวางล�ำน�้ำ
ซ่อนอย่ใู นงานจิตรกรรม เป็นท่ีมาของค�ำวา่ “มอญขวาง”
วัดไทรอารีรักษ์ เ ต็ ม อิ่ ม กั บ ค ว า ม ง า ม ข อ ง
ทเ่ี ห็นชัดเจนคือ จิตรกรรมแล้ว พวกเราเดินต่อไป
ภาพโลงยอดผักบุ้ง ยงั กฏุ ไิ มส้ กั ฝาปะกน ทต่ี งั้ พพิ ธิ ภณั ฑ์
และหมอชวี กโกมารภัจจ์ พ้ืนบ้านวัดคงคาราม ชมข้าวของ
นงุ่ โสร่ง เคร่ืองใช้โบราณ เช่น ตู้พระไตรปิฎก
< เก๋งจีนที่สร้างครอบ ลายรดนำ�้ หบี มกุ คมั ภรี โ์ บราณ ฯลฯ
รอยพระพุทธบาท ชิ้นที่โดดเด่นท่ีสุดคือโลงศพ
นา่ จะมีเพยี งทเ่ี ดยี วในโลก โบราณของชาวมอญท่ีเรียกว่า “ลุ้ง”
หรือโลงยอดผักบุ้ง มีลักษณะปาก
บานหรือผายบนสอบล่างคล้ายดอก
ผักบุ้ง โลงศพนี้แกะสลักจากไม้
ท่อนเดียว และสลักลวดลายดอก
พุดตานท่ีชาวมอญถือว่าเป็นดอกไม้
ประจ�ำชาติมอญ เม่ือกว่า ๒๐๐ ปี
ก่อนลุ้งน้ีลอยมาตามล�ำน้�ำแม่กลอง
สันนิษฐานว่าอาจเป็นโลงศพของพระชั้นผู้ใหญ่หรือเจ้านายที่ไปหาไม้
ทางกาญจนบุรี เล่ากันว่าตอนที่ลุ้งลอยนำ�้ มา มีคนพยายามนำ� ข้ึนฝั่งแต่
ไม่ส�ำเร็จ เม่ือถึงวัดคงคาราม ลุ้งนี้กลับลอยมาติดท่ีชายตลิ่ง ชาวบ้าน
จึงเชอ่ื วา่ เจา้ ของลุ้งเลือกมาอยู่ทนี่ ่ี
งานศลิ ปโ์ บราณจากทงั้ สามวดั ลว้ นมคี ณุ คา่ ยง่ิ เปน็ ดงั มรดกแผน่ ดนิ
ท่ีบอกเล่าวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของคนยุคอดีต แม้เราไม่ได้มีหน้าที่ใน
การอนุรักษ์โดยตรง แต่ก็อาจช่วยทางอ้อมด้วยการศึกษาจนเห็นคุณค่า
แล้วสืบทอดเร่ืองราวและภมู ปิ ญั ญาน้ตี อ่ ไปยังคนรนุ่ หลัง