Page 69 - Skd 365-2558-07
P. 69
อีกทั้งศาสนจักรฟิลิปปินส์ก็ไม่ได้เปล่ียนแปลงตนเองให้เหมาะแก่ QUOTE “(กรณีโรฮิงญา)
โลกสมยั ใหม่เทา่ ใดนกั ยังมคี วามเปน็ อนุรกั ษนิยมสงู มาก เปน็ เรอ่ื งเศรา้ ...
NUM B ER S สหเจาวา้ ขงัขาวอส่าง นั ร(ตาองภิอวางัลพซโาน นเบ) ลซูจ ี
“สว่ นการเมอื ง แมป้ ระชาธปิ ไตยทร่ี บั จากอเมรกิ าจะลงหลกั (ค.ศ. ๑๙๙๑)
มั่นคง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอุปสรรคเป็นระยะ เช่น เผด็จการ มจะาชกว่ กยวเ่าหนล้ี”อื ได้
มาร์กอสแทรกแซงใน ค.ศ. ๑๙๖๕ โดยประกาศกฎอัยการศึก
เพราะตัวเขาไม่อาจแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตนเองเป็นประธานาธิบดี เททะนไลซลนิ า มเกะอยี งตคโ์ทซี่ ๑(T๔e nแzลinะ เGจ้าyขaอtsงoร)างวัล
ในวาระต่อไป ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกยังคงมีอิทธิพล โนเบลสาขาสันตภิ าพ ค.ศ. ๑๙๘๙
ต่อวิธีคิดของคนที่นี่เพราะมีพิธีกรรมต้ังแต่เกิดจนตาย เรียกได้ว่า กล่าวเม่ือวนั ที่ ๒๘ พฤษภาคม ค.ศ. ๒๐๑๕
เปน็ ระบบวฒั นธรรม เราม ี ‘ประชาธปิ ไตย’ แตก่ แ็ ฝงระบบ ‘ดาต’ู โดยวิพากษ์วจิ ารณแ์ ละแสดงความผิดหวงั ต่อการสงวนทา่ ทขี อง
หรือหัวหน้าเผ่า หัวหน้าชุมชน คือคนจะฟังหัวหน้าเผ่ามากกว่า อองซาน ซูจี ในกรณีปัญหาการอพยพของชนกลุ่มน้อย
คนอื่น ๆ การจะแก้ไขปัญหาหลายเรื่องในสังคมฟิลิปปินส์อาจ ชาวโรฮิงญาจากรฐั ยะไขใ่ นพม่า
ตอ้ งเรม่ิ จากถามวา่ จะแกท้ กี่ ารเมอื งหรอื วฒั นธรรมกอ่ น ศาสนจกั ร
ฟิลิปปินส์ยังคงมีเสียงดังในประเด็นปัญหาสังคม เช่น การคุม ทีม่ า : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1432792604
ก�ำเนิด การศึกษา โบสถ์หลายแห่งมีโรงเรียน มหาวิทยาลัย
บางแห่งให้การศึกษาฟรี แต่มีแนวคิดแบบอนุรักษนิยม กระท่ัง ๑๒๐,๐๐๐
เกาะมินดาเนาทางใต้ท่ีมีปัญหาความรุนแรงระหว่างชาวคริสต์
กับมุสลิม โบสถ์บางแห่งก็เป็นตัวละครส�ำคัญของความขัดแย้ง จ�ำนวน (คน) โดยประมาณของชาวโรฮิงญา
บางโบสถ์ถือครองท่ีดินมากเกินไป มีการเอาเปรียบคนในพ้ืนที่ ที่อพยพจากรฐั ยะไข่ในชว่ ง ๓ ปีทผี่ า่ นมา
ก่อความรุนแรงในโบสถ์ ยังไม่นับชาวฟิลิปปินส์บางคนที่ไป ซ่ึงถือเป็นคล่นื อพยพทางเรือทีใ่ หญ่สุด
ตะวนั ออกกลางแลว้ ได้รบั อทิ ธพิ ลแนวคิดแบบสดุ ขั้วกลบั มา นับต้งั แต่สงครามเวยี ดนามจบลงใน ค.ศ. ๑๙๗๕
“สถานการณ์ระหว่างศาสนาต่าง ๆ ในฟิลิปปินส์มีพัฒนา- ทีม่ า : http://www.bbc.com/news/world-asia-32740637
การตลอดเวลา ผมเติบโตท่ีเกาะซูลู สมัยก่อนมีการแต่งงาน
ข้ามชาติพันธุ์และศาสนา เพ่ือนร่วมช้ันของผมเป็นมุสลิมซึ่ง
ท่ีน่ันมีจ�ำนวนน้อย แต่ให้ความส�ำคัญต่อการศึกษาศาสนา จน
โบสถ์คริสต์กังวลเร่ืองการเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม ค.ศ.
๑๙๗๔ พอกลุ่ม ‘National Liberation Front’ ชาวโมโรเสนอ
แนวคดิ ตง้ั รฐั อสิ ลามกม็ ปี ญั หามาก เพราะคนฟลิ ปิ ปนิ สม์ องศาสนา
แยกจากรัฐอย่างเด็ดขาด สถานการณ์ท่ีซูลูตอนน้ีแย่ลงมาก ผม
ไม่อาจไปโดยไม่มีทหารคุ้มกัน หรือกรณีอื่นอย่างข้ามไปท่ีเกาะ
มินดาเนาจะพบปัญหาอีกแบบ ที่นั่นมีชาวมุสลิมจริง แต่มีกลุ่ม
ชาตพิ ันธท์ุ ่ีนบั ถือครสิ ต์อาศยั อยูจ่ �ำนวนมาก
“มีกรณีน่าสนใจคือ เคยมีคนฟิลิปปินส์เปลี่ยนศาสนาจาก
ครสิ ตเ์ ปน็ อสิ ลาม เหตผุ ลมหี ลายอยา่ ง โดยเฉพาะหลายคนเปลยี่ น
เพอ่ื ใหด้ ำ� รงชวี ติ ในตา่ งแดนโดยงา่ ย เชน่ เปลยี่ นเปน็ อสิ ลามเมอื่ ไป
เปน็ แรงงานในซาอุดอี าระเบยี เพื่อใหท้ ำ� งานสะดวก พอกลบั บา้ น
ก็นับถือคริสต์เช่นเดิม เนื่องจากเจ้าหน้าท่ีซาอุดีอาระเบียปฏิบัติ
สองมาตรฐานตอ่ คนตา่ งศาสนา ทส่ี ำ� คญั คอื พวกเขาหาโบสถเ์ พอื่
ไปสวดมนต์วันอาทิตย์ไม่ได้ ซึ่งจริง ๆ ก็มีอีกกรณีคือ บาทหลวง
บางคนปลอมตัวเป็นแรงงานไปท�ำงานเพ่ือบริการทางศาสนาแก่
ชาวฟลิ ิปปินสเ์ ปน็ การเฉพาะ เรอื่ งนย้ี งั ไม่ค่อยมีใครทราบมากนัก
“ถ้าดูในแง่บทบาท ศาสนาคริสต์ในฟิลิปปินส์เป็นเรื่อง
วัฒนธรรม ต่างจากศาสนาพุทธในไทยท่ีมีสิทธิเหนือศาสนาอ่ืน ๆ
ถึงตรงน้ีประเด็นเร่ืองศาสนากับการเมืองน้ัน ผมมองว่าสิทธิพิเศษ
ของศาสนาพุทธและการนิยมให้สิทธิพิเศษแก่คนบางคน เป็น
ปัญหาของสงั คมไทย”
กรเมกฎษาคยมน ๒๕๕๘๖ 69