พาวิลเลียนไทยจัดแสดงในรูปแบบศาลาไทยภายใต้แนวคิด
“ความเป็นไทย วิถีแห่งความยั่งยืนของชีวิต”
เป็นสถานที่ยอดนิยมติดอันดับ ๑ ใน ๗
ที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากที่สุด เฉลี่ยวันละ ๓-๔ หมื่นคน

พาวิลเลียนไทยเป็นอาคารแบบเล็กพริกขี้หนู แม้จะใช้งบประมาณไม่มากตกราว ๖๐๐ ล้านบาท เมื่อเทียบกับซาอุดีอาระเบียที่ใช้เงินไป ๔,๐๐๐ กว่าล้านบาท แต่ได้กลายเป็นพาวิลเลียนยอดนิยมติดอันดับ ๑ ใน ๗ ที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากที่สุด มีผู้เข้าชมเฉลี่ยวันละ ๓-๔ หมื่นคนทีเดียว

อันที่จริงประเทศไทยไม่ใช่สมาชิกน้องใหม่ของงานเอ็กซ์โป แต่แทบจะเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งทีเดียว เพราะสยามประเทศได้เข้าร่วมแสดงในงานมหกรรมโลก เวิลด์เอ็กซ์โป ครั้งที่ ๓ เมื่อปี ๑๘๖๒ (พ.ศ. ๒๔๐๕) ที่กรุงปารีส ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระปรีชาชาญในการดำเนินพระบรมราชวิเทโศบายทำให้สยามได้รับเกียรติเข้า ร่วมงานครั้งนั้น เพื่อสร้างชื่อเสียงของประเทศให้อยู่ในสายตาและแผนที่ของชาวโลก อันมีผลต่อความมั่นคงของประเทศที่กำลังเผชิญภัยคุกคามจากการล่าอาณานิคมของ ชาติในยุโรป และไทยก็ได้เข้าร่วมงานมหกรรมโลกอีกหลายครั้งในประเทศแถบยุโรปและอเมริกาจน มาถึงปัจจุบัน

ระหว่างเข้าคิวรอ นักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดที่เป็นคนจีนต่างประทับใจกับยักษ์ “อินทรชิต” ที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าศาลาไทยคู่กับยักษ์ลั่นถันของจีน และภายในมีตัวการ์ตูนตัวน้อยชื่อ “ไท” มีบุคลิกลักษณะน่ารักน่าเอ็นดู แฝงด้วยเสน่ห์กิริยาสุภาพอ่อนน้อมแบบไทย เพื่อสร้างความสุขและความสนุกสนานให้แก่ผู้เข้าชมนิทรรศการที่แสดงถึง “ความเป็นไทย วิถีแห่งความยั่งยืนของชีวิต” ผ่านระบบมัลติวิชัน เนื้อหาเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ สภาพภูมิประเทศ บ้านเมือง ศิลปวัฒนธรรม ชีวิตผู้คน และอาหารในแบบที่คนไทยทราบกันดี โดยมีหุ่นยนต์ยักษ์อินทรชิตขนาดสูงใหญ่บนเวทีที่เคลื่อนไหวและพูดภาษาจีน สร้างเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว

พาวิลเลียนจีน ได้ชื่อว่าเป็นมงกุฎแห่งตะวันออก มีความหมายถึงประเทศ
ที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนมั่งมีศรีสุข เป็นอาคารที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดแห่งหนึ่ง

ห้องจัดแสดงส่วนหนึ่งภายในพาวิลเลียนจีน
ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีสีเขียวในอนาคต

พาวิลเลียนใหญ่ที่สุดในงานเห็นจะไม่มีใครเกินหน้าเจ้าภาพ ได้ชื่อว่าเป็นมงกุฎตะวันออก เป็นอาคารสถาปัตยกรรมจีนสีแดงเด่นสง่ามาแต่ไกล เมื่อเข้าไปภายใน พนักงานสาวสวยจะพาเราขึ้นไปชั้นบนสุด เป็นการแสดงประวัติศาสตร์ของประเทศผ่านมัลติวิชันอันสมบูรณ์แบบ พอเดินลงมาชั้นล่างแสดงถึงยุคก่อร่างสร้างตัวภายหลังพรรคคอมมิวนิสต์จีน ปกครองประเทศ มาถึงวิถีชีวิตของผู้คนในอนาคตที่ต้องหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม และการแสดงเทคโนโลยีสีเขียวอันล้ำสมัยด้วยระบบแสงสีเสียงอันตื่นตาตื่นใจ จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นการแสดงที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเชื่อมั่นว่าจีน พร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำของโลกยุคใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

ประเทศจีนซึ่งปัจจุบันได้ชื่อว่าปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันดับต้นๆ ของโลก ยังใช้พลังงานจากถ่านหินคุณภาพต่ำ และเป็นประเทศที่มีมลภาวะมากที่สุดในโลก จะทำได้มากน้อยแค่ไหนคงต้องติดตามกันต่อไป

เราเดินผ่านพาวิลเลียนกัมพูชา เห็นโปสเตอร์ขนาดยักษ์ด้านหน้าเป็นรูปปราสาทพระวิหาร พอเดินเข้าไปภายในเจ้าหน้าที่เขมรพูดไทยได้คล่องคอยต้อนรับนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นการแสดงความรุ่งเรืองของอาณาจักรขอม มีแบบจำลองปราสาทนครวัด-นครธม และแผนที่สะดุดตาแสดงอาณาจักรขอมโบราณที่กินพื้นที่ประเทศไทยในปัจจุบัน เกือบทั้งหมด สะท้อนเป็นนัยว่าในอดีตสยามเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรขอม ราวกับจะย้ำความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาขณะนี้

เช่นเดียวกับภายในห้องจัดแสดงของพาวิลเลียนเกาหลีเหนือ ผู้มาเยี่ยมชมจะได้เห็นภาพวิดีโอเครื่องบินสหรัฐอเมริกาโจมตีกรุงเปียงยาง เมืองหลวงเมื่อครั้งสงครามเกาหลี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศอันธพาลในสายตาพี่เบิ้มใหญ่จะได้ใช้เวทีนี้ตอบ โต้อย่างเจ็บแสบ


พาวิลเลียนอิตาลี เจ้าภาพเอ็กซ์โปครั้งต่อไป
ถือเป็นพาวิลเลียนทรงเสน่ห์มีครบทุกรสที่นำมาแสดง
โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์นำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่น
มาพัฒนาต่อยอดจนเป็นผู้นำระดับโลกในหลายด้าน
ไม่ว่าจะเป็นอาหาร แฟชั่น รองเท้า ศิลปะ ดนตรี ไวน์
ไปจนถึงเทคโนโลยีการสร้างสะพาน รถยนต์ ฯลฯ


ด้านนอกพาวิลเลียนอังกฤษ ตกแต่งด้วยหลอดใส
ขนาดยาว ๗.๕ เมตร รวมกัน ๖ หมื่นหลอด
ปลายสุดของหลอดที่อยู่ภายในอาคารบรรจุเมล็ดพันธุ์
ซึ่งสะสมอยู่ในสวนพฤกษศาสตร์คิวและ สวนพฤกษศาสตร์เมืองคุนหมิง
ในวาระปีสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ

พาวิลเลียนอิตาลี เจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โปครั้งต่อไป เป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้เข้าชมอย่างล้นหลาม ด้วยรูปทรงอาคารซีเมนต์โปร่งแสงเห็นความมีชีวิตชีวาภายใน เมื่อเดินเข้าสู่ห้องแรก เราต้องตื่นตากับการจัดวางเครื่องดนตรีวงออร์เคสตร้าทั้งวงแขวนอยู่บนฝาผนัง กำแพงอีกด้านหนึ่งเป็นการแสดงแฟชั่นอันโดดเด่นของอิตาลี ถัดไปเป็นห้องรวมประดิษฐกรรมชั้นยอดของอิตาลี ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หม้อกาแฟ รวมไปถึงห้องจัดแสดงความหลากหลายของไวน์และเส้นพาสต้าต่างๆ ขณะที่เมื่อเดินขึ้นข้างบนจะนำเราสู่ตรอกซอกซอยของเมืองเล็กๆ ในอิตาลี แสดงภูมิปัญญาของคนในแต่ละเมืองทั้งความรู้ทางวิทยาศาสตร์และงานศิลปะ แต่ละห้องดูแล้วใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่เพื่อให้ดูสนุก เก๋ไก๋ มีชีวิตชีวา

หากให้เราลงคะแนนในบรรดาพาวิลเลียน ๗-๘ แห่งที่ได้ชมมา อิตาลีน่าจะมีเสน่ห์ที่สุด มีครบทุกรสที่แสดงให้เห็นการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาพัฒนาต่อยอดจนเป็นผู้นำ ระดับโลกในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร แฟชั่น ศิลปะ ดนตรี ไปจนถึงเทคโนโลยีในการสร้างสะพาน รถยนต์ ฯลฯ ผ่านการใช้ไอเดียที่ดี คิดจนตกผลึกก่อนนำมาจัดแสดง เมื่อลองนึกว่าในอีก ๑๐ ปีข้างหน้า หากไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โป เราจะนำภูมิปัญญาอะไรที่พัฒนาต่อยอดจนเป็นความน่าสนใจระดับโลกมาจัดแสดง นอกจากอาหารไทย ผ้าไทย รำไทย และศาลาไทยอันซ้ำซากมานมนาน

……………………………………….

เราอำลาเซี่ยงไฮ้ด้วยการขึ้นรถไฟฟ้าแม่เหล็กหรือแม็กเลฟ สัญลักษณ์ความทันสมัยล่าสุดของเซี่ยงไฮ้ เป็นรถไฟฟ้าแม่เหล็กความเร็วสูงที่ให้บริการเพื่อการค้าเป็นสายแรกในโลก วิ่งด้วยความเร็วสูง ๔๓๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง จุดหมายปลายทางอยู่ที่สนามบินผู่ตง มองเห็นหอไข่มุกตะวันออกหรือหอส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์สูง ๔๖๘ เมตร หอคอยสูงอันดับ ๔ ของโลก และอาคารเซี่ยงไฮ้เวิลด์ไฟแนนเชียลเซ็นเตอร์สูง ๔๙๒ เมตร สัญลักษณ์อันโดดเด่นของเซี่ยงไฮ้

หลังเดือนตุลาคม บริเวณจัดแสดงงานมหกรรมโลกแห่งนี้จะถูกรื้อทิ้งหมดเพื่อพัฒนาเป็นย่านธุรกิจ ราคาแพง ยกเว้นพาวิลเลียนจีนที่จะคงอยู่เป็นอนุสรณ์ถึงความสำเร็จของงานเซี่ยงไฮ้ เวิลด์เอ็กซ์โป ๒๐๑๐ เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกที่เดินทางมาพร้อมเม็ดเงินจำนวนมหาศาล เพื่อมาลงทุนในเซี่ยงไฮ้ มหานครแห่งอนาคตและความมั่งคั่งหลังเดือนตุลาคม คนเซี่ยงไฮ้ก็จะกลับมาดำรงชีวิตปรกติอีกครั้ง พร้อมกับเสียงก่อสร้าง ปัญหารถติด ฝุ่นละออง มลภาวะจากโรงงานอุตสาหรรม รวมถึงอำนาจเถื่อนที่มาพร้อมกับความเจริญ

เหรียญหลายด้านของชีวิตมีให้เห็นในมหานครแห่งนี้เสมอ

ขอขอบคุณ : บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เอื้อเฟื้อการเดินทางครั้งนี้