More Media

เก็บตกสาระ แนะนำสื่อภาพยนตร์ และสื่อแขนงอื่นๆ จากที่เห็นและเป็นไป ในและนอกกระแส


valerian

ในขณะที่ช่วงฉายของซัมเมอร์ใกล้จบลงพร้อมกับรายได้ที่น่าผิดหวัง มีหนังที่ล้มเหลวด้านรายได้มากมาย ตั้งแต่ขาดทุนและไม่เป็นดังหวัง(The Mummy, Alien : Covenant, Transformers : The Last Knight) ไปจนหนักหนาสาหัส(King Arthur: Legend of the Sword) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เหลือหนังที่สุ่มเสี่ยงอีกแล้ว เพราะ Valerian and the City of a Thousand Planets หนังไซไฟสุดอลังการของ ลุค เบสซง ที่เข้าฉายในสัปดาห์นี้ถูกกล่าวขานถึงความเสี่ยงที่หากหนังขาดทุน อาจถึงขั้นทำให้บริษัทผู้สร้างปิดตัวได้เลยทีเดียว มาดูกันว่าเพราะอะไรและทำไมผู้สร้างถึงยอมลงทุนกับมันเช่นนี้

>>> มันนำแสดงโดยนักแสดงดาวรุ่ง ที่คาดหวังได้ยาก

ในขณะที่หลายค่ายหนังใช้วิธีเอาดาราระดับแม่เหล็กมาแสดงนำ(ทอม ครูซ ใน The Mummy) หนังว่าด้วยสองเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษจากโลก ซึ่งถูกส่งไปประจำอยู่ยังมหานครกลางกาแลคซีอัลฟ่า ที่มีมนุษย์ดาวต่างๆ กว่าหมื่นสายพันธุ์อาศัยอยู่ที่นั่น และต้องพบกับภัยที่คาดไม่ถึงเรื่องนี้ นำแสดงโดย ดีน เดฮาน(The Amazing Spider-Man) และ คาร่า เดเลวีจ์น(Suicide Squad) สองนักแสดงดาวรุ่งที่ยังไม่มีหลักประกันว่าจะช่วยให้คนสนใจหนังเรื่องนี้มากแค่ไหน

>>> มันเป็นหนังทุนสร้าง ๒๐๐ ล้านเหรียญฯ โดยบริษัทนอกฮอลลีวู้ด

Valerian สร้างโดยบริษัท EuropaCorp. บริษัทสร้างหนังชื่อดังของฝรั่งเศส ที่ก่อตั้งโดย ลุค เบสซง ด้วยทุนสร้างราว ๑๘๐-๒๐๐ ล้านเหรียญฯ นี่จึงกลายเป็นหนังที่ขายโดยไม่ผ่านสตูดิโอใหญ่ของฮอลลีวู้ด และยังเป็นหนังยุโรปที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดเป็นประวัติการณ์( Asterix at the Olympic Games หนังที่เป็นสถิติทุนสร้างสูงสุดของยุโรปใช้ทุนสร้างเพียง ๗๘ ล้านเหรียญฯ) มีฉากที่ใช้เทคนิคพิเศษด้านภาพกว่า ๒,๗๐๐ ช็อต ด้วยวิธีการที่เน้นความเป็นอิสระ เพราะเบสซงต้องการให้สามารถเขียนบทและทำหนังได้อย่างอิสระโดยที่ไม่ต้องมีใครมาแก้ไขมัน

>>> การหาเงินทุนสุดระห่ำ

แม้จะผลิตหนังที่ประสบความสำเร็จมามากมาย อาทิหนังชุด Taken, Transporter และหนังไซไฟเรื่องล่าสุดของเบสซงอย่าง Lucy แต่ด้วยทุนสร้างดังกล่าวก็ทำให้ทางบริษัทถึงกับกุมขมับต้องว่าจ้างธนาคาร Moelis & Co. มาหาผู้ร่วมทุนโครงการหนังฟอร์มยักษ์นี้

ผลคือหนังต้องยอมขายหุ้น ๒๘ % ของ Europacorp. ให้กับ China’s Fundamental Group (ได้เงินทุนมา ๖๗ ล้านเหรียญฯ) บริษัทของจีน, ได้เงินทุนจาก Vine Alternative Investments (๓๐ ล้านเหรียญฯ) และขายธุรกิจโรงหนังของบริษัทให้กับเครือโรงหนัง Gaumant ไป(ได้ทุนมา ๒๑.๒ ล้านเหรียญฯ) เท่านั้นยังไม่พอหนังยังใช้วิธีขายสิทธิ์ให้กับผู้ซื้อจากประเทศต่างๆ แล้วกว่า ๑๐๐ แห่ง ทำให้ได้เงินจากการขายก่อนถึง ๘๐ ล้านเหรียญฯ การได้รับทุนดังกล่าวส่งผลให้ทางค่ายดึงดูดนักแสดงระดับนานาชาติในหนังเรื่องอื่นของบริษัทหลายเรื่อง

สำหรับในสหรัฐอเมริกาหนังเพิ่งได้ค่ายขนาดกลางอย่าง STX Motion Pictures มาเป็นผู้จัดจำหน่าย และ Liongates เป็นผู้จัดจำหน่ายในสหราชอาณาจักร โดยก่อนหน้าค่าย Relativity Media ได้ยกเลิกสัญญาไปเพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่เสี่ยงเกิน

พาเวล กอฟซิยัน นักวิเคราะห์การลงทุนบริษัท Natixis กล่าวว่าแม้บริษัทจะสุ่มเสี่ยงอย่างหนัก “แต่ถ้าหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ พวกเขาก็จะรักษาสถานะบริษัทสร้างหนังชื่อดังได้ในปีต่อๆ ไป”

>>> โครงการในฝันของ เบสซง

หนังดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูน Valerian and Laureline ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.๑๙๖๘ ของ ฌอง-คล้อด เมซิแยร์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังอย่าง Star Wars, Star Trek และ Avatar ของ เป็นการ์ตูนเรื่องโปรดของเบสซง ลอเรลไลน์ ตัวเอกสาวของเรื่องคือสาวในฝันของเขาตั้งแต่เด็ก และเมื่อได้มีโอกาสสร้างหนัง ก็ทำให้เขาอยากสร้างหนังเรื่องนี้มากว่า ๒๐ ปีแล้ว แต่ด้วยเทคโนโลยีด้านภาพที่ยังไม่สามารถดัดแปลงได้ตามภาพในหัวของเขา เขาจึงสร้าง The Fifth Element ออกมาก่อน

“๒๐ ปีที่แล้วผมถูกมองว่าบ้า ๒๐ ปีต่อมาโลกก็น่าจะพร้อมบ้าไปกับผม” เบสซงกล่าวในงาน ComicCon ปีที่ผ่านมา

>>> บทวิจารณ์สุดเหวอ และบทวิเคราะห์หนังสุดแป้ก

หลังจากฉายให้นักวิจารณ์ได้ชมไปแล้ว บทวิจารณ์บางส่วนก็ปรากฎ IndieWire ที่นิยามมันว่าเป็น Star Wars ฉบับเมายา แต่ก็มองในแง่ดีว่าผู้คนน่าจะพร้อมสนุกไปกับมันได้ด้วยงานภาพสุดตระการตา ขณะที่อีกหลายคนก็เกลียดหนังเรื่องนี้ ทอดด์ แม็คคาร์ธี่ นักวิจารณ์ชื่อดังจาก Hollywood Reporter บอกว่า “รางวัลแรซซี่(รางวัลที่มอบให้หนังยอดแย่ประจำปี) ไม่ต้องรอจนสิ้นปีเพื่้อหาผู้ชนะ ก็เตรียมประกาศรางวัลกันได้แล้ว” ขณะที่ Boxoffice.com เว็บไซต์วิเคราะห์รายได้ภาพยนตร์ชื่อดังประเมินว่าหนังน่าจะล้มเหลวด้านรายได้ โดยทำรายได้ในสหรัฐฯ ไม่น่าจะถึง ๕๐ ล้านเหรียญฯ ด้วยซ้ำ (ขณะที่หากหนังต้องการได้กำไร มันต้องทำรายได้ทั่วโลกอย่างน้อย ๓๖๐ ล้านเหรียญฯ)

อ้างอิงจาก

  • http://www.indiewire.com/2017/07/valerian-luc-besson-180-million-indie-cara-delevingne-dane-dehaan-europacorp-1201851376/
  • http://www.hollywoodreporter.com/news/why-luc-bessons-valerian-may-determine-fate-europes-high-profile-studio-963155
  • http://pro.boxoffice.com
  • http://www.rottentomatoes.com

ภาพจาก : https://dyn4.media.titanbooks.com/products/9047/Valerian_3dH4h1H.jpg