เรื่อง : วรากร แก้วทอง
ภาพ : ณิชกานต์ ช่างสาร

chaiya02 1

ท่ามกลางเสียงหรีดหริ่งเรไรในยามบ่ายคล้อยไปเย็น ภายใต้เงาไม้ใหญ่น้อยในอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา จ.กระบี่ มีเสียง ตุ๊บ ตั๊บ โอ้ย ปนมากับลำนำไพร ชายผู้หนึ่งแต่งกายด้วยชุดผ้าฝ้ายสีดำ มีผ้าไหมสีทองผูกไว้ที่สะเอว กำลังนั่งอยู่บนครกตำข้าวขนาดใหญ่ แล้วให้ชายอีกสามคนซึ่งแต่งกายคล้าย ๆ กันยืนประเคน หมัด เข่า แข้ง ใส่อย่างไม่ยั้งมือ

chaiya03 1

แม้ผู้นั่งจะโดนรุมถึงสามต่อหนึ่งแต่เสียงร้อง โอด โอย กลับมาจากผู้ยืน บ้างกุมขา บ้างกุมแขน แสดงถึงอาการเจ็บปวดไปตาม ๆ กัน นี่คือการ นั่งครก เพื่อฝึกป้อง ปัด และปิด ส่วนสำคัญของร่างกายมิให้อาวุธใดเข้ามาทำร้ายได้ เป็นการทบทวนวิชาขั้นสุดท้ายก่อนนักมวยไชยาจะขึ้นสังเวียน

“มวยไชยาก็เหมือนกับลูกทุเรียน แตะตรงไหนก็เจ็บตรงนั้น”

สำนวนเปรียบเปยอมตะของ ครูเขตร ศรียาภัย บรมครูแห่งมวยไชยาที่มักจะพูดกับศิษย์ทุกครั้งยามที่สอน หากมวยไชยาเปรียบได้ดั่งลูกทุเรียน ผู้ที่ยืนกุมแขนกุมขาอยู่นั้นคงเจอเข้ากับทุเรียนพันธุ์ดีเลยทีเดียว

chaiya04 1

ครูเชน หรือ พันตำรวจโท ราเชนทร สวนคำศรี รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจน้ำ ผู้ที่นั่งอยู่บนครกเมื่อสักครู่นี้ เริ่มสนใจมวยโบราณสายนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 โดยตอนนั้นเป็นนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 2 แล้วเกิดความรู้สึกว่าถ้าเรียนจบไปเป็นตำรวจก็ควรจะมีวิชาดีไว้ป้องกันตัว ประกอบกับการพบเจอ ครูแปรง ณปภพ ประมวญ ปรมาจารย์มวยไชยาและวิชากายวุธ ที่ได้เข้าไปทำการสาธิตศิลปะการต่อสู้ภายในโรงเรียนนายเรือ จึงถือโอกาสฝากตัวเป็นศิษย์และเริ่มเรียนมวยไชยาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

chaiya05 1

“ในช่วงแรกที่เรียนกับครูแปรงนั้นไม่ได้มีความยุ่งยากมากนัก ครูท่านเพียงแค่บอกว่า ควรจะยืนแบบไหน เพราะมวยไชยาจะมีรูปแบบที่แตกต่างไปจากมวยอื่นการ ยืน เดิน นั่ง เท้าทั้งสองข้างต้องขนานกันตลอดเวลา แต่พอได้ลองทำกลับยาก เพราะต้องจัดระเบียบร่างกาย ถ่ายโอนน้ำหนัก และรักษาสมดุลขณะเคลื่อนไหว ” ครูเชนกล่าวถึงช่วงแรกที่เริ่มเรียน

chaiya06 1

มวยไชยานั้นเป็นมวยที่เรียบง่ายใช้ธรรมชาติรอบตัวในการฝึกฝน อย่างเช่นการนำลูกมะนาวผูกเชือกแขวนไว้กับกิ่งไม้ในระดับอกและหัว แล้วเข้าไปออกอาวุธใส่ลูกมะนาวโดยห้ามสายเชือกพันกัน และต้องคอยหลบลูกมะนาวที่จะเหวี่ยงกลับมาโดนตัว เป็นการฝึกน้ำหนักของมัด เข่า ศอก และสายตาหรือจะฝึกกำลังขาในน้ำ โดยการลงไปแช่น้ำระดับเอว ย่อเข่า ใช้มือตีน้ำให้กระจายแล้วใช้ศอกกระแทกน้ำที่กระจายขึ้นมา การฝึกนี้จะได้ทั้งกำลังขาและยังเป็นการฝึกป้องกันอาวุธที่พุ่งขึ้นมาจากด้านล่างด้วย

chaiya07 1

นอกจากความเรียบง่ายในการฝึกฝนแล้ว ท่าจรดมวยก็สวยงามตามแบบมวยท่าดี คือจะใช้มือข้างหนึ่งกำหมัดปิดบริเวณคาง แขนจะปิดบริเวณชายโครง มืออีกข้างกำหมัดปิดที่หน้าผาก แขนจะปิดบริเวณใบหน้าทั้งหมด สามารถสลับแขนขึ้นและลงตามแต่จังหวะ เมื่อโดนโจมตีเพียงแค่พลิกแขนและเอียงลำตัวก็จะสามารถรับและรุกได้ในเวลาเดียวกัน ส่วนขานั้นจะปิดท่อนล่างโดยการยืนย่อเข่าเล็กน้อยเพื่อเป็นเหลี่ยมในการป้องกัน เท้าทั้งสองข้างขนานกัน ห่างประมาณหัวไหล่ ยืนเฉียงตัวทำมุม 45 องศา เวลาย่างจะสลับเหลี่ยมได้ทั้งซ้ายและขวา เมื่อถูกโจมตี เพียงแค่ยกเข่าขึ้น ผู้ที่โจมตีจะเป็นฝ่ายเจ็บตัวไปเอง

มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับนายทหารนิรนามซึ่งบวชเป็นพระและเดินธุดงค์จากเมืองหลวงจนมาถึง บ้านพุมเรียง ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ.2311 – พ.ศ.2442) ว่า ยุคนั้นบ้านพุมเรียงเป็นที่ลี้ภัยจากข้าศึก ทั้งยังเป็นที่ตั้งของเมืองไชยา อันเป็นเมืองชั้นตรีพิเศษและมีเจ้าเมืองปกครอง เมื่อเกิดสงครามชาวเมืองไชยาจะถูกเกณฑ์กำลังพลเข้าร่วมกับกองทัพเสมอ พระธุดงค์รูปนั้น ชาวบ้านเรียกว่า พ่อท่านมา จำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งจับช้างและเริ่มสอนมวยให้กับชาวบ้านเพื่อใช้ป้องกันตัว พระยาวจีสัตยารักษ์ เจ้าเมืองไชยาในขณะนั้น ได้ทราบถึงกิตติศัพท์จึงมาร่ำเรียนวิชามวยจากพ่อท่านมาด้วย

ในปี 2452 มวยจากเมืองไชยา เป็นที่รู้จักมากขึ้นเมื่อ นายปล่อง จำนงทอง ศิษย์เอกของเจ้าเมืองไชยา ได้มีโอกาสขึ้นชกมวยคาดเชือกหน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ณ.บริเวณหน้าพลับพลาทรงธรรม สวนสกวัน ในงานพระศพของพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภช นายปล่องชกชนะนักมวยจากโคราช จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น หมื่นมวยมีชื่อ และมวยจากเมืองไชยาก็ได้ชื่อว่า มวยไชยา จากเหตุการณ์ครั้งนั้น

ครั้นไม่มีศึกสงคราม มวยจึงกลายเป็นการละเล่นของลูกผู้ชาย ครูเขตร ศรียาภัย บุตรคนที่ 5 ของพระยาวจีสัตยารักษ์ ได้ร่ำเรียนมวยไชยาจากพ่อและเรียนมวยสายอื่น ๆ กับครูมวยอีก 12 คน จนเกิดความชำนาญ มีลูกศิษย์มากมาย ทั้งยังเขียนบทความชื่อ ปริทัศน์มวยไทย ลงในนิตยสาร ฟ้าเมืองไทย รายสัปดาห์ ในช่วงปี พ.ศ. 2515 ( ภายหลังได้มีการรวบรวมต้นฉบับตีพิมพ์เป็นหนังสือในปี พ.ศ.2550 ) เพื่อเป็นสมบัติแก่ผู้ต้องการศึกษาอีกด้วย ลูกศิษย์สายมวยไชยาของครูเขตรก็คือ ครูทองหล่อ ยาและ เป็นชาวมุสลิม เคยชกมวยบนเวทีไม่ต่ำกว่า 200 ครั้ง ตลอดชีวิตของครูท่านนี้ได้อุทิศให้แก่การสอนวิชามวยไชยาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และหนึ่งในลูกศิษย์ที่รับการถ่ายทอดทั้งวิชา เจตนารมณ์ และอุดมการณ์มาอย่างเต็มเปี่ยมก็คือ ครูแปรง ณปภพ ประมวญ ครูมวยไชยายุคปัจจุบันที่ยังคงอุทิศตนเพื่อถ่ายทอดศาสตร์และศิลป์แห่งมวยสายโบราณนี้ให้แก่ศิษย์อยู่มิได้ขาด ทั้งยังเป็นครูมวยของครูเชนอีกด้วย

ในปัจจุบันครูเชนก็ยังคงเรียนมวยไชยากับครูแปรงอยู่เสมอ แต่จะเป็นรูปแบบที่ต่างออกไปคือเมื่อมีข้อสงสัยก็จะเข้าไปขอคำแนะนำ ครูแปรงก็จะมีเทคนิคใหม่ ๆ มาสอนอยู่ตลอด

ข้าพเจ้าได้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ฉันท์ครู ศิษย์ ก็เมื่อการนั่งครกครั้งนั้นจบลง ลูกศิษย์ต่างยกมือไหว้ขอบคุณครู แม้จะอายุมากกว่าก็ตาม มีการเอ่ยถามถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจบไป ใครเจ็บตรงไหนบ้าง แล้วเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และบรรยากาศอันอบอุ่นก็เกิดขึ้น ศิษย์ทุกคนต่างก็อวดบาดแผล บ้างได้เลือด บ้างได้รอยฟกช้ำ พร้อมทั้งพูดออกมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกันว่า ผมห่างครูไปนานแล้วครับ และหลังจากนั้นจึงเป็นการทวนวิชาไปโดยปริยาย

chaiya08 1

ครูเชนออกคำสั่งให้เหล่าศิษย์เรียงแถว และทวนวิชาให้ใหม่ทั้งหมด เริ่มจากการยืน ย่อ ปั้นหมัด พันแขน พันหมัด ตลอดจนการออกอาวุธ ทำแบบนั้นซ้ำ ๆ ด้วยท่วงท่าที่องอาจ มั่นคง จนเหล่าผู้ที่เคยเรียนเริ่มจะจัดทรงร่างกายให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ แม้อากาศจะไม่ร้อนเท่าไหร่นักแต่การฝึกเช่นนั้นก็ทำให้บรรยากาศเริ่มร้อนแรงขึ้นมาอยากเห็นได้ชัด นั่นศิษย์รุ่นพี่ นี่ศิษย์รุ่นน้อง ต่างพร้อมใจกันฝึกมวยไชยา ด้วยแววตาที่วาวโรจน์

chaiya09 1

หลังจากฝึกพื้นฐานเสร็จเรื่องราวแต่หนหลังก็พรั่งพรูออกมาจากปากของศิษย์พี่ ศิษย์น้อง พร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันบ่งบอกถึงความสุข แต่พอข้าพเจ้าถามว่า ตอนเรียนครูดุไหม ทุกคนต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ดุมาก กว่าจะผ่านได้แต่ละท่า บางท่าใช้เวลาทำเป็นเดือนก็มี ถ้าไม่ผ่านครูก็จะให้ทำจนกว่าจะผ่านนั่นแหละ

chaiya10 1

ตุ๊ก อัครพล ใจเที่ยง หนึ่งในศิษย์รุ่นแรกของครูเชน กล่าวกับข้าพเจ้าอย่างออกรสว่า

“ครูเชนจะเน้นเรื่องท่าพื้นฐาน เน้นมากเลย มีท่าพลิกเหลี่ยมที่ผมเรียนได้ช้ามาก ผมเรียนอยู่นานกว่าจะได้ ครูไม่ยอมให้ผิดแม้กระทั่งนิดเดียว”

เมื่อข้าพเจ้าถามกลับว่าได้อะไรจากการเรียนมวยไชยา ชายวัย 58 ปี บอกกับข้าพเจ้าว่า

“ผมซ้อมมวยไชยาแล้วก็ไปวิ่งมาราธอนครับ ตอนนี้ผมวิ่ง 21 กิโลเมตร และก็วิ่ง 42.195 กิโลเมตรได้ ทั้งหมดทั้งมวลผมได้มาจากการฝึกมวยไชยา ผมเลิกบุหรี่ได้ด้วยครับ”

chaiya11 1

ด้วยความที่ตุ๊กเป็นชาวมุสลิม ข้าพเจ้าจึงเกิดความสงสัยเกี่ยวกับข้อห้ามทางศาสนา สิ่งที่ได้จากคำบอกเล่าก็คือ

“ ผมก็ทำทุกอย่างที่นักมวยเขาทำกันแหละครับ เพียงแค่ผมไม่ก้มลงกราบแค่นั้นเอง”

chaiya12 1
chaiya13 1

วิชามวยไม่ได้แบ่งแยก ศาสนาไหนก็เรียนได้ เพราะการฝึกมวยเป็นการฝึกสมาธิ ฝึกกาย ฝึกใจ และมีขนบธรรมเนียมที่เหมือนกันซึ่งไม่ใช่ศาสนา อย่างเช่นการไหว้ครู เป็นจารีตและข้อปฏิบัติ ส่วนอุปกรณ์มวยอย่างเช่น มงคลหัว ประเจียดแขน เชือกคาดหมัดนั้น ก็เป็นส่วนเสริมกำลังใจ ซึ่งไม่ถือว่าผิดหลักศาสนาใดแต่อย่างไร

การสอนมวยไชยาของครูเชนนั้นไม่ได้แตกต่างจากที่ถูกสอนมามากนัก แม่มวยยังคงเป็นแบบเดิม พื้นฐานก็ยังคงใช้สิ่งเดิม เน้นความถูกต้องของกระบวนท่า การเข้าใจผู้เรียนและการทำสมาธิยังคงเป็นสิ่งสำคัญ ในยุคปัจจุบันความคาดหวังของผู้ที่มาเรียนนั้นคือต้องการจะเป็นมวยเร็ว ๆ ซึ่งจะแตกต่างจากสมัยก่อนที่ครูและศิษย์จะค่อยเป็นค่อยไป แต่สุดท้ายมันก็อยู่ที่การฝึกฝน ถ้าอยากเป็นเร็วก็ต้องขยันฝึกซ้อม ส่วนการสอนก็ต้องเอาความสำเร็จมาเป็นแรงบันดาลใจ อย่างเช่นฝึกสิ่งนี้แล้วจะได้อะไร จึงคล้ายกับวางเป้าหมายในตัวผู้เรียนไปด้วย

“ครูสมัยก่อนเขาไม่ค่อยบอกว่าฝึกแล้วจะได้อะไร นอกจากทำให้ดู พอศิษย์ทำได้แล้วนั่นแหละจึงจะบอก ว่าได้อะไรจากการฝึก”

ครูเชนอธิบายต่อว่ามวยไชยานอกจากจะฝึกฝนร่างกายแล้วยังมีส่วนในการฝึกฝนจิตใจไปด้วย ซึ่งการยืนจรดมวย ย่างเท้าเคลื่อนที่ จะเป็นไปตามรูปแบบของแม่มวย จึงต้องบังคับกายและจิตใจให้ไปพร้อม ๆ กัน ตั้งสมาธิไว้ที่ร่างกาย ไม่เช่นนั้นจะเกิดการผิดพลาดขึ้นได้ง่าย เมื่อเปรียบเทียบกับพระพุทธศาสนา การหยุดเคลื่อนไหวจิตจะเป็น อานาปานสติ หมายถึงการระลึกรู้ลมหายใจเข้าออก แต่เมื่อกายเคลื่อนไหวจิตจะกลายเป็น สัมปชัญญะ อันหมายถึง การรู้สึกตัวอยู่เสมอ ทั้งสองสิ่งจะเกิดขึ้นสลับกันเพียงชั่วขณะ เมื่อฝึกฝนจนชำนาญ บนสังเวียน ใจของนักมวยจะอยู่เหนืออารมณ์ทั้งปวง และยังส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างมีสติยั้งคิดอีกด้วย

chaiya14 1

“หนูเรียนมวยไชยาตั้งแต่อายุ 16 ปี ค่ะ ช่วงนั้นจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ พ่อเลยให้ฝึกมวยเพื่อป้องกันตัว”

ออย วรันธร อภิรติธรรม ได้บอกกับข้าพเจ้าถึงการเป็นศิษย์คนแรกของครูเชน การสอนนั้นก็จะเริ่มจากการทำให้ดูและก็ให้ทำตาม ซึ่งกว่าจะผ่านไปแต่ละท่านั้นยากมาก เพราะกว่าครูจะยอมให้ผ่าน ต้องอยู่ในระดับที่ครูเห็นว่าสมควรเสียก่อน สิ่งที่ได้ฝึกมวยไชยาของออยคือ ได้วิชาไว้ป้องกันตัว ได้สมาธิเพราะครูจะให้นั่งสมาธิด้วย และที่สำคัญเลยมั่นใจที่จะใช้ชีวิตมากขึ้น

ในปี พ.ศ. 2557 ออยได้เข้าไปเรียนที่ Green River College สหรัฐอเมริกา ได้ลงวิชาเลือกเป็น Karate (คาราเต้) เพราะอยากฝึกวิชาการต่อสู้เพิ่มเติม จบเทอมทางคลาสจัดการแข่งขันขึ้น ออยใช้วิชาคาราเต้ผสมกับพื้นฐานของมวยไชยาเอาชนะคู่ต่อสู้จนเข้ารอบไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงการแข่งขันรอบรองชนะเลิศคู่ต่อสู้ของออยกระดูกนิ้วมือหัก เนื่องจากการเตะของวิชาสองสายที่ผสมกัน ทำให้รอบชิงชนะเลิศคู่แข่งไม่กล้าเข้าต่อสู้และยอมแพ้ไปในที่สุด

chaiya15 1

แม้ขั้นตอนการสอนจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก แต่วิธีสอนนั้นค่อนข้างจะเปลี่ยนไป เมื่อมีโลกออนไลน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ลูกศิษย์บางคนไม่สะดวกเดินทางมาหาครู หรือบางคนก็อยู่ไกลเกินกว่าจะเดินทางไปกลับ การสอนมวยไชยาออนไลน์จึงเกิดขึ้น แต่ข้อจำกัดของการสอนรูปแบบนี้ก็คือ ต้องใช้เวลามากกว่า และเมื่อทำท่าทางผิด ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขให้ถูกได้ในทันที ต้องค่อยปรับ ค่อยเปลี่ยน การเรียนออนไลน์นั้นทำได้มากที่สุดเพียงเพื่อให้ผู้เรียนรู้แนวทาง เพราะฉะนั้นผู้ที่เรียนจะต้องมาเจอครูสักครั้งเพื่อจัดท่าทางให้ถูกต้องตามที่ควรจะเป็น

chaiya16 1

“เราไม่ได้สอนมวยให้คนเอาไปประหัตประหารคน แต่เราสอนให้เขาเอาไว้ป้องกันตัว รู้จักใช้ชีวิตอย่างมีสติ รู้จักว่าสิ่งไหนควร สิ่งไหนไม่ควร และเป็นเมล็ดพันธุ์ที่จะสืบสานเรื่องพวกนี้ต่อไป ถ้าเราสอนมวยให้เด็กตั้งแต่ยังไม่มีสิ่งใดมาเจือปนในชีวิตมากนัก เขาจะได้มีภูมิคุ้มกันของตัวเอง การฝึกมวยจะเป็นวัคซีนป้องกันเขาในอนาคต ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน อีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้าไม่รู้ว่าสภาวะจิตใจของผู้คนเป็นเช่นไร ถ้าเราสร้างภูมิคุ้มกันของเขาไว้ตั้งแต่แรก เขาจะเป็นคนที่สามารถเอาตัวรอดได้ในทุกสังคม ”

chaiya17 1

ครูเชนกล่าวกับข้าพเจ้าด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความภาคภูมิใจ และคงเหมือนกับครูมวยทั้งหลายที่อยากจะอนุรักษ์ สืบสาน ศิลปะการต่อสู้นี้ไว้ เพราะถ้าหากไม่มีการผลักดัน สิ่งเหล่านี้ก็จะค่อย ๆ จางหายไป การฝึกมวยอาจจะเหลือแค่การป้องกันตัว เพราะคนส่วนน้อยนักที่จะเข้าใจหลักวิชาแบบนี้ มวยไชยา ไม่ใช่มวยที่เอาไว้ฝึกแค่กาย แต่มีการฝึกจิตใจพร้อมกันไปด้วยนี่แหละทีเด็ดเลย…..กวีพเนจร…14.09.65…..

อ้างอิง :

  • พันตำรวจโท ราเชนทร สวนคำศรี
  • ตุ๊ก อัครพลง ใจเที่ยง
  • ออย วรันธร อภิรติธรรม
  • อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา จ.กระบี่
  • KMAX GYM จ.กระบี่
  • http://www.samkhum.com
  • เฟซบุ๊คแฟนเพจ เก้ากระบี่เดียวดาย
  • http://dc.oas.psu.ac.th/dcms/files/00750/Chapter4.pdf
  • http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5625.0