เรื่องและภาพ ชลชาติ พุ่มจันทร์

นิตยสาร “สารคดี” เป็นชื่อที่ผมได้ยินมานานมากตั้งแต่มัธยม แต่ได้มารู้จักและลองอ่านจริงๆก็ปาเข้าไปตอนเรียนมหาลัย อันด้วยความที่ผมเรียนถ่ายภาพสารคดีด้วย ทำให้เวลาว่างก็จะหาอะไรที่น่าสนใจหรือเกี่ยวข้องกับสายการเรียนอ่านอยู่แล้ว พออ่านไปก็รู้สึกว่า “เฮ้ย นิตยสารสารคดีก็เจ๋งดีนะ ถ้าเรามีโอกาสได้ไปลองฝึกงานที่นี่ดู คงจะเป็นประสบการณ์ที่ดีมากแน่ๆ” ว่าแล้วก็ถึงช่วงเวลาที่เราจะใกล้ฝึกงานแล้วนี่หน่า ว่าแล้วก็เตรียมตัวเตรียมพอร์ต ยื่นฝึกที่นิตยสาร สารคดี ไปด้วยความตื่นเต้นและตั้งใจ

เด็กฝึกงานสารคดี IS HAPPY

สวัสดีครับ ผม “ต้นชล” ชลชาติ พุ่มจันทร์ ครับผม มาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นครับ ครั้งนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การฝึกงานรวมถึงการใช้ชีวิตในฐานะเด็กฝึกงานนิตยสารสารคดีและในฐานะคนไกลบ้าน(ฮ่าๆ) ขอเล่าย้อนกลับไปช่วงต้นเดือนเมษายน ปี 2567 หลังจากที่ได้รับอีเมลตอบกลับจากนิตยสาร สารคดี “ว่าคุณได้รับการคัดเลือกที่จะเข้าฝึกงาน ในกองบรรณาธิการ เป็นเวลา 2 เดือน” ผมตื่นเต้นมากซะจนนอนไม่หลับ(ฮ่าๆ) แต่ต้องเท้าความก่อนว่า การที่ผมมาฝึกนั้น ผมฝึกในตำแหน่ง “ช่างภาพและนักเขียน” ด้วยความที่ผมเรียนถ่ายภาพมา ผมก็ส่งฝึกในตำแหน่งช่างภาพไปเลย แต่ปรากฏว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ทางนิตยสารไม่ได้เปิดรับนักศึกษาฝึกงานตำแหน่งช่างภาพนี่สิ แต่พอพี่ๆเห็นว่าผมสนใจด้านงานเขียนด้วย เลยได้ลงเอยว่า ได้มาฝึกในตำแหน่งหลักคือ “เขียน” ส่วนตำแหน่งรองคือ “ถ่ายภาพ”

trainee02

เกริ่นมาพอสมควรแล้ว มาเริ่มกันที่เดือนแรกเลยละกันครับ ด้วยความที่ระยะเวลาที่ผมมาฝึกนั้นแสนจะน้อยนิด(แค่ 2 เดือน) ผมตั้งเป้าหมายไปเลยว่าเราจะตั้งใจฝึกให้ได้มากที่สุด ช่วงแรกนั้นจะเป็นการทำความรู้จักกับพี่ๆในกองบรรณาธิการของนิตยสารสารคดี และ การนำงานเก่าๆของผมที่ไม่เคยได้ลงที่ไหนหรือพวกภาพที่ค้างไว้มาลองทำเป็นชิ้นงานบทความออนไลน์ลงเว็บสารคดี (ลิงค์ตัวอย่างผลงานครับผม ลองเข้าไปดูกันได้ ที่นี่ และยังมีบทความอื่นๆในเว็บที่ผมทำขึ้นอีกด้วยครับ ) การทำงานก็เริ่มไปได้ด้วยดี พี่ๆในบริษัทแต่ละคนใจดีมาก แนะนำการทำงานของผมให้มีความเรียบร้อยและเป็นมืออาชีพมากขึ้น

trainee03

ด้านการฝึกงานที่สารคดีนั้นเริ่มอย่างสดใสเลยหล่ะ ผิดกับด้านการใช้ชีวิต(ฮ่าๆ) ด้วยความที่ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ไม่เคยใช้ชีวิตในกรุงเทพหรือเมืองใหญ่ๆเลย(บริษัทตั้งอยู่ที่นนทบุรี) ทำให้ช่วงแรกที่ผมมานั้นต้องปรับตัวกันยกใหญ่เลยทีเดียว ต้องปรับการกิน ปรับเวลาการเดินทาง รีบตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะเดินมาบริษัทเพราะที่พักอยู่ไม่ไกลมากสามารถเดินไปได้ แต่วันไหนตื่นสายก็ต้องเสียตังค์ให้พี่วินประจำ

เดือนแรกผ่านไป การฝึกงานเป็นไปได้ด้วยดี ด้วยความที่ผมอยากเรียนรู้เกี่ยวกับด้านภาพก่อน ทำให้งานที่ผมได้ทำ จะเป็นการลองจัดงานอาร์ตของคอลัมน์ต่างๆ เช่น คอลัมน์ คิด-Cool และ คอลัมน์ Hidden (In) Museum รวมถึงยังมีบางช่วงที่ผมได้ออกไปลงพื้นที่ถ่ายภาพกับพี่ๆในกองบรรณาธิการอีกด้วย มีเรื่องตลกอีกนะ คือ ครั้งแรกที่ผมได้ลงพื้นที่ถ่ายภาพ เป็นการถ่ายภาพนกแก้วโม่งที่วัดมะเดื่อ ผมก็เตรียมกล้องของผมไป เป็นกล้องตัวเล็กๆขนาดประมาณกล่องดนตรี แต่พอพี่ช่างภาพของนิตยสารสารคดีเอากล้องของตัวเองออกมา กล้องบอดี้ปานกลาง แต่เลนส์ของแกนี่สิ ขนาดจะใหญ่ไปไหน แถมหนักม้ากมาก พลังซูมอย่างไกล ผมคิดในใจว่า “นี่สินะ ความห่างชั้นของเด็กฝึกงานกับช่างภาพมืออาชีพ ฮ่าๆๆ”

พอเริ่มเดือนที่สอง ทุกอย่างเริ่มลงตัวมากขึ้น ในด้านของการฝึกงานนั้น ผมได้รับมอบหมายให้ลองลงพื้นที่ด้วยตนเอง เพื่อหาเรื่อง(อ่านละได้ฟีลนักเลงแปลกๆ) และ ถ่ายภาพมาลงเป็นบทความออนไลน์ของตัวเอง ผมก็ได้ลองไปหลายๆที่หลายๆงานเลยครับ ทั้ง หอศิลป์กรุงเทพฯ, Metro Mall และอีกหลายที่เลย ด้วยความที่เราชอบการเดินทางอยู่แล้ว พอได้ลงพื้นที่เอง ได้ไปไหนมาไหนเอง ทำให้ผมรู้สึกชอบการฝึกงานในส่วนนี้มากๆครับ บางทีเราลงพื้นที่ไปถ่ายนิทรรศการจัดแสดงศิลปะ ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับศิลปินด้วย ทำให้ในการลงพื้นที่แต่ละครั้งก็จะเจอเรื่องดีๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมด้วย นั่นแหละครับการลงพื้นที่ของผม ผมไม่รู้เลยว่าจะเจออะไรบ้าง(ฮ่าๆ) แต่ก็ถือเป็นความสนุกอย่างหนึ่งเลยนะ

เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ เมื่อมาถึงสิ้นเดือนพฤษภา ผมก็จะจบการฝึกงานซะแล้ว น่าเสียดายมากเลยครับ ใจจริงอยากมีเวลาฝึกงานเยอะกว่านี้ ผมสนุกมากกับการฝึกงานที่นี่ แต่มองอีกมุมหนึ่ง การใช้ชีวิตที่นี่ก็ไม่ได้ง่ายเลยนะ(ถ้าคุณไม่ได้วางแผน) ยังดีครับที่พี่ๆที่กองบรรณาธิการนิตยสารสารคดี คอยให้คำแนะนำๆในด้านต่างๆ ที่ช่วยผมได้เยอะเลยครับ ทั้งคำแนะนำในด้านการทำงาน การใช้ชีวิต การเดินทาง ของกิน แถมบรรยากาศในที่ทำงานที่เป็นกันเอง ทำให้ผมรู้สึกทำงานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพได้เยอะมากขึ้นด้วย

สิ่งที่ชอบที่สุดอีกอย่างหนึ่งเลยครับ คือ การที่ผมได้ลองฝึกทำหลายสิ่งหลายอย่างมาก นอกจากการถ่ายภาพ และ การเขียนแล้ว ผมยังได้ลองฝึกจัดหน้าคอลัมน์ ฝึกทำกราฟิก ฝึกวาดภาพประกอบ ซึ่งต้องยกเครดิตให้ทางพี่ๆที่สารคดีเลยครับ ที่พร้อมรับฟังและเปิดรับถ้าเราอยากลองทำอะไรใหม่ๆที่ไม่เคยทำ

trainee12

“อยากบอกอะไรกับคนที่คิดจะมาฝึกงานที่สารคดีมั้ย” ถ้าผมจะพูดว่าต้องเตรียมตัวยังไงก็คงจะบอกไปหมดแล้วหล่ะครับจากสิ่งที่พิมพ์มาทั้งหมด(ฮ่าๆ) งั้นเอาเป็นว่าขอแนะนำสั้นๆแทนละเนาะ ว่า ขอแค่เรามีใจที่อยากจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ก็พอแล้วครับ ที่สารคดีเราจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆเพิ่มขึ้นแน่นอนไม่ว่าระยะเวลาการฝึกงาน จะน้อยหรือจะมาก ขอแค่พวกเรามุ่งมั่นและตั้งใจครับ

สุดท้ายนี้ ผมก็ต้องกราบขอบพระคุณพี่ๆทุกคนที่สารคดีที่คอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำผมมาตลอดตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้ายของการฝึกงาน ขอบคุณพี่ยามที่ทักทายผมตลอดเวลาเข้าออกที่สารคดี ขอบคุณโต๊ะและเก้าอี้สำนักงานที่คอยช่วยให้ผมทำงานสบายขึ้น ขอบคุณเมืองใหญ่ที่มอบประสบการณ์ให้กับเด็กต่างจังหวัดอย่างผมด้วยนะครับ

trainee13

May The Sarakadee Be With You