อีกภาคหนึ่งของ “เจ้าชายหัวตะเข้” นักเขียนสารคดีที่เรียนจบมาด้านวิทยาศาสตร์ สนใจปัญหาสิ่งแวดล้อม สังคม และกีฬาเป็นพิเศษ
เรียนจบด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา 14 ปีที่ผ่านมา งานหลักคือสืบค้นประวัติศาสตร์นอกกระแส อะไรก็ตามที่รัฐชอบปกปิด เชื่อว่า “เสรีภาพ” คือลมหายใจของอาชีพ Journalist
นักเขียนและนักแปลอิสระ ศิษย์ค่ายสารคดีครั้งที่ 9 และผู้ร่วมก่อตั้งสำนักพิมพ์ไจไจบุ๊คส์ @khingamat
นักเขียนอิสระผู้จบทางด้านจิตวิทยาคลินิก กำลังศึกษาต่อด้านประสาทวิทยาอยู่กรุงบูดาเปส สนใจดนตรี ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาการณ์ใหม่ๆ และธรรมชาติ
เด็กกรุงเทพที่อยู่ไม่ติดบ้าน เพราะบ้านที่แท้จริงคือโลกทั้งใบ กำลังพยายามเรียนรู้และเข้าใจ อยากให้คนสนใจช่วยกันดูแล ?
ผู้ไม่เน้นความเป็นระเบียบในชีวิต ถูกจริตกับผ้าขาวม้า วิถีท้องทุ่ง เรื่องราววัฒนธรรมร่วมสมัย พอๆ กับศิลปะและการเดินทาง
นักเขียนประจำกองบรรณาธิการ นิตยสาร สารคดี ที่มีผลงานตีพิมพ์ทั้งในนิตยสาร และตีพิมพ์รวมเล่มมากมาย อาทิ แผ่นดินนี้ที่อีกฟากเขา และแสงใต้ในเงามรสุม และ อีสานบ้านเฮา
บก. ดำ ผู้ชอบจับแพะมาชนกับแกะ จับแมวโยนไปให้ถึงดวงดาว เพราะหลงเชื่อว่าจักรวาลนี้ไม่มีอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
อดีตนักวิจารณ์ภาพยนตร์ ที่มีงานหลักเลี้ยงลูกสอง ปัจจุบันดูแลเว็บไซต์ มีความบันเทิงจากการดูหนังฟังเพลงเป็นยาใจให้ชีวิต
เขียนบ้าง อ่านบ้าง สำรวจบ้าง ไม่ชอบนักคิดบ้าตรรกะ แต่ถ้าต้องเป็นนักอะไรสักอย่าง ก็คงต้องจัดตัวเองไว้ในหมวดนักคิด เรื่องไม่จำเป็น ที่สนุก
เรียนจบภูมิศาสตร์ ชื่นชอบพม่า ประวัติศาสตร์และตึกรามบ้านช่อง หากได้ออกไปเที่ยวจะชอบยืนมองดูตึกและขึ้นไปมองดูเมืองในมุมที่สูงที่สุด เพื่อฟังเสียงลมหายใจของเมือง
นักเขียนสารคดีมือสมัครเล่น ที่มีความสนใจและอยากเผยแพร่มุมมองที่น่าสนใจของโลกกลมๆใบนี้ ด้วยปลายปากกาหมึกซึมที่เคยใช้เขียนแบบในงานวิชาชีพสถาปนิกที่ทำเป็นวิชาชีพ มีความเชื่อบ้าๆบอๆว่างานเขียนก็เหมือนแบบบ้านหลังหนึ่ง ต้องเริ่มจากไอเดียเล็กๆ ร่างขึ้นมาจากเส้นต่อเส้น ลงลึก เพื่อความสุขของผู้อยู่อาศัย งานเขียนดีๆสักชิ้นก็เช่นกั
กาญจนา สุระประพันธ์ หรือ ไวท์ ชอบถ่ายภาพตั้งแต่อยู่ชั้นประถมศึกษา ช่วงไปทัศนศึกษากับที่โรงเรียนจะขอพ่อแม่ให้ซื้อกล้องฟิล์มที่ใช้แล้วทิ้งให้เสมอ ถ่ายเสร็จก็อัดภาพไว้หลายๆชุด เพื่อแจกเพื่อนทุกคนที่อยู่ในภาพ อยากให้เขาเห็นตัวเองในมุมที่เราเห็น ตอนเด็กๆเราทำไปโดยไม่คิดอะไร รู้สึกสนุกก็ทำ ไม่เคยรู้ตัวว่าชอบด้านนี้ แต่เมื่อเราโตขึ้นก็ได้พบว่าการถ่ายภาพเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราไปเสียแล้ว
นักเขียนสารคดีฝึกหัด ที่มีความตั้งใจอยากเขียนสารคดีให้สนุก รักซีรี่ส์เกาหลีเหนือสิ่งอื่นใด มีเพลงในมือถือมากกว่า 500 เพลงและมีความฝันว่าครั้งหนึ่งในชีวิตต้องได้ไปเดินบนพรมแดงเทศกาลหนังเมืองคานส์ในฐานะผู้กำกับชาวไทย
นัก(ฝึก)เขียนจากเชียงใหม่ เพิ่งอายุครบ 23 ขวบ ชอบทะเลพอ ๆ กับที่ชอบภูเขา ชอบหมาพอ ๆ กับที่ชอบแมว สนใจงานฝีมือ ชอบมอคค่าหวานน้อย ปัจจุบันกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติการณ์ ‘จบแล้วไปไหน’ และกำลังพยายามหาคำตอบ
เรียนป่าไม้+สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา เป็นผู้ป่วยที่คิดว่า เครื่องสำอางและของกิน สามารถเยียวยาได้ดีกว่า การรักษาด้วยยา ใส่ใจในสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเป็นตัวตนของมนุษย์ และความแตกต่างหลากหลาย ความใฝ่ฝันเป็นแม่บ้านลูกสาม
หลงรักงานเขียนจากการอ่านและลงมือหัดเขียนเพราะอยากเล่าและบันทึก ชอบเดินทางและถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ เชื่อว่าภาพถ่ายสามารถเก็บเรื่องราวและความทรงจำของตัวเองและคนรอบข้างได้
นักหัดเขียน วัย 24 ปี มีความสุขกับการเพาะต้นไม้จากเมล็ด ฝันอยากย้ายต้นกล้าลงกระถางใหญ่ให้ได้
เป็นคนเด๋อ ๆ เรียนเอกไทยเพราะชอบภาษาไทย อินกับหนังสือวรรณกรรมไทย สนใจการถ่ายภาพ หลงใหลอาหาร และแน่นอนว่ารักการกิน
...เเรกเริ่มจากความสนใจมาจากการอ่านหนังสือในวัยเด็ก ปัจจุบัน ยังคงพยายามเดินทาง พูดคุย เเก้ไขปัญหาของชุมชนในชนบทที่ห่างไกลผ่านกิจกรรมอาสาพัฒนาชนบทของมหาวิทยาลัย เเละยังคงตั้งข้อสงสัยในสิ่งที่พบเห็น พร้อมทั้งยังหาคำตอบของสิ่งที่สนใจหรือตั้งข้อสงสัยต่อไป
เป็นสัตวแพทย์ด้วย แต่ก็หลงใหลวัฒนธรรมพื้นถิ่นด้วย อยากต่อแพล่องไปตามแม่น้ำสายต่างๆ แล้วแวะหมู่บ้านตามรายทาง
หลุดจากระนาบสมมุติทางโบราณคดีเพื่อมาติดกับดักหม้อไหกระทะและกาชาของหัวป่าก์พ่อครัว ในโลกของพืชผัก เมล็ดพันธุ์ และกับข้าวกับปลาอันมีนิยามที่มาธรรมดาสามัญ
เชื่อว่างานที่ดีจะเปลี่ยนแปลงสังคมและโลกให้ดีขึ้นได้ เชื่อว่าทุกการออกเดินทางจะทำให้เราได้เติบโต
เก่งในการหัวเราะกับเรื่องตลก (ร้าย) รายวันของตัวเอง มีความฝันอยากดำรงชีวิตได้ด้วยการเขียนสารคดี และพยายามจะออกกำลังกายให้ได้ทุกวัน
(PHRA SROI JAYÃNANDO) เดิมชื่อ “สร้อย เซียมลาย” ภิกษุเชื้อสายดาราอ้าง เคยศึกษาที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ ปัจจุบันจำพรรษาอยู่ วัดดวงดี ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ควบคู่กับก่อตั้ง “กลุ่มเยาวชนดาราอ้าง” เพื่อสืบสาน-อนุรักษ์วิถีชาติพันธุ์ดาราอ้าง
เด็ก(พยายาม)เขียน ผู้เขย่งหยิบย่องจากเมืองเกิดปลายทะเลสู่การศึกษาริมยอดดอย จนปัจจุบันกำลังหาความรู้ในเมืองหลวง หลงใหลในหลากหลายสิ่ง ตั้งแต่รากเหง้ายันมนุษย์อวกาศ ยิ่งมีคาเฟอีนซ่า ๆ พร้อมบทสนทนาดี ๆ คงเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่งในชีวิต
นักศึกษา (ขอบ) ตาดำ ๆ คนหนึ่ง คลั่งไคล้วง Queen และ Pet Shop Boys เป็นชีวิตจิตใจ ชอบเปิดเพลงพระเจ้าตากตอนทำงานไฟไหม้ หวั่นไหวทุกครั้งเมื่อหนังสือลดราคา และเชื่อว่า When a man cannot choose he ceases to be a man. - A Clockwork Orange
“อกาลิโก” มาจากบทสวดมนต์ แปลว่า 'ไม่จำกัดกาล' ชอบบันทึกเรื่องราวผ่านเลนส์และวาดรูปด้วยปากกาดำ เป็นมนุษย์หมาทาสรักแมว ที่บ้านมีสวนผลไม้ชื่อ "Akaliko Organic Farm"
นักอยากเขียนวัยตั้งไข่ ผู้หลงใหลกลิ่นหนังสือ รักแสงสีและเงาของภาษา รักปลาทอง ชื่นชอบประวัติศาสตร์วิทยา เมฆฟ้า และทิวเขา
เรียนด้านการจัดการมรดกวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ประสบปัญหาทุกครั้งเมื่อมีคนถามว่าเรียนเกี่ยวกับอะไร ชอบเดินทาง ผจญภัย เปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และสนใจทุกศาสตร์ที่เป็นการถ่ายทอดเรื่องราว
นักอ่านที่ตกหลุมรักแมว หนังสือ และพระจันทร์ ชอบฟังเรื่องราวต่างๆ สนใจประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม
พยายามสร้างสรรค์ผลงานเขียน ชื่นชอบในการอ่านวรรณกรรมและหลงใหลดอกไม้ทุกชนิดแม้ไม่รู้ชื่อ พอ ๆ กับการตกหลุมรักแมว
มีสองนามความหมายว่า ‘กล้วยไม้จากสวรรค์’ แล ‘ดอกเหมยกลางหิมะในฤดูหนาว’ ผู้ต้องมนตร์นิรันดร์กาลสารพัดงานเขียนและบทเพลง (fyi. She always plays Troye Sivan’s songs on repeat)
มนุษย์เป็ดหน้าหมา ทำได้หมดแต่ไม่สุดสักทาง ชอบหันหน้ามองข้างนอกเวลานั่งร้านข้าว มี Bucket List ก่อนตายยาวเท่าวิจัยห้าบท อยากให้หมาแมวทุกตัวกินอิ่มนอนหลับมีที่หลบฝน อยากให้มนุษย์ทุกคนมีความสุขบนโลกใบนี้ just live like we’re gonna die young อย่ากลัวการใช้ชีวิต กลัวรักคนไม่มีใจดีกว่า แต่นี่จะไปหาลักมะม่วงบ้านข้าง ๆ ละ เป็นตาแซ่บแฮง
จบการศึกษาปริญญาตรีราชมงคลวิทยาเขตเพาะช่างด้านศิลปะ เป็นเด็กฝั่งธนตลิ่งชัน รักการถ่ายตั้งแต่อายุ 17 ปี ลองถ่ายภาพมาเรื่อยๆ ชอบเดินทางถ่ายภาพสถานที่ต่าง เพราะคิดว่ามันคือความสุขที่เราหาได้จากตัวเราจริงๆ ไม่เคยเบื่อทุกครั้งที่ยกกล้องกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ
อดีตวิศวกรที่หมกมุ่นอยู่กับการเป็นนักเล่าเรื่อง ไม่สนใจว่าอายุจะพรากความเป็นเด็กไปได้ ติดกาแฟและอยากเล่าเรื่องสนุกๆ ของมันให้คนอื่นได้ฟัง ฝันว่าจะขี่รถเครื่องรอบโลกแต่เงินในกระเป๋าห้ามไว้ซะก่อน
สนใจกล้องถ่ายภาพมาตั้งแต่ประถมต้นแต่พ่อไม่ยอมซื้อให้ เริ่มมีกล้องของตนเอง ตอนมัธยมปลายและเรียนรู้การถ่ายภาพด้วยตัวเองจนเชี่ยวชาญ เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ ๒ ปีก็ถูกไล่ออก เพราะมัวแต่ขลุกอยู่กับการถ่ายภาพจนไม่เข้าห้องเรียน จากนั้นทำงานเป็นช่างภาพบริษัทโฆษณาอยู่ ๑ ปี ก่อนจะมาเป็นช่างภาพที่ สารคดี ถึงปัจจุบัน
เป็นคนกรุงเทพฯ เกิดที่ฝั่งธนฯ เรียนชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย ต่อระดับปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยีทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มศว ประสานมิตร เมื่อเรียนจบใหม่ ๆ ทำงานเป็นผู้ช่วยดีเจคลื่นกรีนเวฟพักหนึ่ง ก่อนมาเป็นนักเขียนและช่างภาพที่กองบรรณาธิการนิตยสาร ผู้หญิงวันนี้ จากนั้นย้ายมาเป็นช่างภาพสำนักพิมพ์สารคดีปี ๒๕๓๙ โดยถ่ายภาพในหนังสือชุด “เพื่อความเข้าใจในแผ่นดิน” ต่อมาถ่ายภาพลงนิตยสาร สารคดี มีผลงานเช่นเรื่อง หมอเทีย ปอเนาะ เป่าแก้ว กะหล่ำปลี โรคหัวใจ โทรเลข ยางพารา ฯลฯ
เริ่มหัดถ่ายภาพเมื่อปี ๒๕๓๕ ด้วยกล้องแบบ SLR ของพ่อ ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองก่อนหาความรู้เพิ่มเติมจากรุ่นพี่และนิตยสาร รวมถึงชุมนุมถ่ายภาพ สิบกว่าปีที่เดินตามหลังกล้อง มีโอกาสพบเห็นวัฒนธรรม ประเพณี กลุ่มชนชาติพันธุ์ต่างๆ เชื่อว่าช่างภาพมีหน้าที่สังเกตการณ์ ถ่ายทอดสิ่งที่เห็น และเล่าเรื่องด้วยภาพไปสู่ผู้ชม
ซึ่งรอบข้างไม่มีสิ่งใดเหมือนกันเลย และเรื่องราวเกิดขึ้นได้จากสิ่งเหล่านี้ หน้าที่ของผมคือการนำเสนอมันออกมาให้สมบูรณ์ด้วยมุมมองด้านบวกแม้ว่าเรื่องมันจะเศร้ามากเพียงใดก็ตาม
ผู้เล่าเรื่องด้วยภาพ จากกลุ่ม Realframe สนใจเนื้อหาด้านสิทธิมนุษยชน ความไม่เท่าเทียม และอยากเห็นประเทศไทยมีประชาธิปไตยเต็มใบ
ช่างภาพที่หลงใหลในม้วนฟิล์ม ใช้ชีวิตเหมือนภาพถ่ายสีขาวดำที่มีมืดมีสว่าง ขับเคลื่อนชีวิตด้วยความกดดัน แต่บางครั้งความเศร้าก็เป็นความงามในรูปแบบหนึ่งของชีวิต
เด็กหนุ่มผู้เคยไปใช้ชีวิต ณ ประเทศไต้หวัน ในชั้นม.5 และจากนักศึกษาที่กำลังจะขึ้นชั้นปีที่ 4 สู่การเป็นเฟรชชี่ในรั้วมหาวิทยาลัยรังสิต ยอมซิ่วเพื่อเดินตามความฝันของตัวเองในคณะศิลปะและการออกแบบ สาขาศิลปะภาพถ่าย ชื่นชอบการท่องเที่ยวและการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ โดยหวังว่าจะได้จัดนิทรรศการภาพถ่ายในชื่อของตัวเองสักครั้ง
ชื่อธนัชพร เรียกเล่นๆว่า ออม ถนัดงานใช้สมอง พวกประลองปัญญา ถนัดคิดไม่ถนัดทำ บางครั้งก็ถนัดทำ ไม่ถนัดคิด เลยแอดมิชชั่นติดเอกโฆษณา ต้องมาเรียนวาดเขียน ต้องขายของให้เนียน สื่อสารให้ได้ แต่ก็ยังถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก มีโฟโต้โปรเจค ทั้งงานเล็กงานใหญ่ ชอบอะไรใหม่ๆ ถึงไม่ค่อยจะชิน ต่อให้เป็นงานหิน ถ้าเงินมางานก็ไป
เป็นคนลุยๆไปไหนไปกัน ชอบเดินทางเป็นคนไม่อยู่นิ่ง ชอบเก็บเรื่องราวผ่านภาพ และเขียนบันทึกความทรงจำต่างๆผ่านตัวอักษร ร่วมกับภาพในบ้างครั้ง ชอบจำเป็นภาพ จะสนใจภาพและเสียง
จำได้ว่าจับกล้องถ่ายรูปตั้งแต่ 5 ขวบ ไม่ใช่อะไรนะ เพราะพ่อให้ถือเลยได้จับ จริงจังละ เริ่มถ่ายภาพตอนอยู่ปี 2 เพราะเรียนวารสาร ฯ แต่ไม่ถนัดงานเขียน ฟังดูแปลกดี แต่มีอยู่จริง ทำมาเรืิ่อย ๆ จากงานอดิเรกจนสร้างรายได้
ชื่อเล่นชื่อนาย อายุ 22 ปี จบการศึกษาปริญญาตรี เอกภาพยนตร์และสื่อ ดิจิตอล มศว ชอบถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก และชอบดูงานสารคดีไม่วา่จะเป็นภาพนิ่ง รายการ หรือภาพยนตร์ สารคดี และในขณะที่ศึกษาอยู่ เคยสร้างผลงานภาพยนตร์สารคดีสนั้มาแล้ว 2 เรื่อง
เป็นครั้งแรกที่ได้ถ่ายภาพแนว สารคดี ที่เป็นภาพชุดซึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวเนื่องกัน ผมเองชอบถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก ไม่ได้จบด้านนี้มาโดยตรง แต่จะพยายามทำงานทุกชิ้นออกมาให้ดีที่สุดครับ
เด็กเมืองกรุง เรียนวิทยาศาสตร์ที่เดินออกจากกรอบชีวิตเดิมๆ ออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆให้ชีวิต ออกไปสร้างความทรงจำให้ตัวเอง ฝากคุณค่า ฝากเวลา ฝากชีวิตให้กับผู้คน สังคม รวมถึงโลก เพราะมีความหวังว่าอยากทำให้โลกนี้มันดีขึ้นกว่าเดิม ด้วยสิ่งที่อยู่ และสิ่งที่เราเป็น
มีนามปากกาที่ชื่อ Myremind เป็นเจ้าของร้านสมุดทำมือที่ชื่อเดียวกันกับนามปากกา เขียนเพลงและเล่นกีต้ากับวง Postrait ปัจจุบันชื่อวงเก่าถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Collage papers ศึกษางานศิลปะไทยแต่ชอบความร่วมสมัย ชอบเล่นดตรีแต่ไม่ได้อยากเรียนดนตรี ชอบถ่ายรูปถ่ายเล่นๆตามใจชอบ ชอบเขียนหนังสือมีคววามฝันว่า อยากเขียน นวนิยายขนาดยาวสักเล่มให้เสร็จ
แอมป์คนเดิม เพิ่มเติมคือความฝัน แม้จะเป็นความฝันเล็กๆ ในตอนนี้ แต่เชื่อว่าความฝันเราจะใหญ่ขึ้น ตามประสบการณ์ และความพยายามของตัวเรา
การถ่ายภาพคือสิ่งหนึ่งที่ทำให้ได้ใกล้สิ่งที่รัก และเป็นจุดเริ่มต้นของการออกเดินทางใช้ชีวิตในแบบของตนเอง เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นแรงบันดาลใจให้กดชัตเตอร์ จึงทำให้ ปอนด์ (วิลาวัณย์ ศรีเจริญ) จับกล้องถ่ายรูปแล้วหัดถ่ายภาพอีกครั้ง
เป็นคนชอบและรักธรรมชาติมากและหลักในการคิดในการใช้ชีวิตของผมก็จะยึดความเป็นจริงของธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาถ้าเราเข้าใจธรรมชาติเราก็จะเข้าใจตัวเอง ถ้าเราเข้าใจตัวเองแล้วเราก็จะรู้ว่าเราควรจะทำอะไรเป็นอะไรและตั้งเป้าหมายด้วยความชอบในสิ่งที่ตัวเองรัก”ผมไม่อยากใช้วิชาความรู้ที่ผมได้ศึกษาเล่าเรียนมาแค่หาตังใช้ความสุขไปวันๆ ผมแค่คิดว่าสิ่งที่ผมมีจะทำประโยชน์ให้กับคนอื่นหรือธรรมชาติได้บ้าง”เพื่อสิ่งที่ผมทำมันจะส่งผลดีสังคม
Piyavit Thongsa-Ard is a 43-year-old Thai photographer, based in Chiang Mai, Northern Thailand. His work specially interested in social, political, human right and climate change issue, covered travels throughout South- and Southeast Asia in both reportage and documentary format.
ช่างภาพสารคดีอิสระ ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไปของสังคมและสิ่งแวดล้อมมานานกว่า 15 ปี โดยมีผลงานได้รับการตีพิมพ์ทั้งในหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารหลายฉบับบรวมทั้งนิตยสาร Nationalgeographic ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
เกิด 26 ก.ค2519 การศึกษา ปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจมหาวิทลัยรามคำแหง ช่างภาพอิสระ งานสารคดี ผลงาน สารคดี เขื่อนเซเปียน เซน้ำน้อย แตก ร่วมกับคุณเริงฤทธิ์ คงเมือง
ช่างภาพสารคดีที่เน้นประเด็นเชิงอนุรักษ์เป็นหลัก ตั้งใจอยากนำเสนอและถ่ายทอดเรื่องราวเบื้องหลังของผู้คนที่ทำงานด้านงานอนุรักษ์ เพื่อเป็นกระบอกเสียงในการส่งกำลังใจ และผลักประเด็นอนุรักษ์ขึ้นมาในสังคม ตามที่ได้รับการปลูกฝังมาในฐานะนักสื่อสารมวลชน
เป็น อินโทรเวิท แต่ชอบทำความรู้จักกับสิ่งใหม่ๆ คิดว่า สัตว์ป่า และธรรมชาติ คือเพื่อนสนิทที่น่าคบที่สุด
เริ่มต้นถ่ายภาพเพราะมีความชอบในธรรมชาติและชีวิตสัตง์ป่า จึงเริ่มจากการถ่ายสัตว์ป่าด้วยกันนั่งอยุ่ในบังไพร. และ จากนั้นก็หันมาถ่ายทุกอย่างบันทึกชีวิตของมนุษย์และสัตว์ป่าแล้วแต่วาระโอกาสที่ทำให้เราได้เปิดประตูสู่หัวใจด้วยกล้องและเลนส์ที่มี
นตรณรินทร์หรือ กิ๊ก อาศัยอยู่ที่นิวยอร์กมา 4 ปีกว่าแล้ว เธอบอกว่าตอนแรกตั้งใจมานิวยอร์กเพื่อเรียนเกี่ยวกับ Online Marketing แต่กลับมาสนใจการถ่ายภาพ เพื่อจะได้บันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม
ชอบตัดกาแลกซี่มาแปะในปากของปลาโลมา ไดคัทดอกทานตะวันมาทัดหูแวนโก๊ะ พยายามบอกตัวเองอะไรในจินตนาการสวยงามเสมอ
ช่างภาพผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพแนวสารคดีที่สุด และอยากถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพถ่ายและงานเขียนของตัวเอง ในประเด็น ต่างๆ ในเรื่องของ สังคม การเมือง การเดินทาง ประวัติศาสตร์ ให้ผู้คนได้รับชม
ช่างภาพอิสระที่รักการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการอ่าน มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการพิชิตเทือกเขาหิมาลัยให้ได้สักครั้งในชีวิต
เรียนด้านการจัดการมรดกวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ประสบปัญหาทุกครั้งเมื่อมีคนถามว่าเรียนเกี่ยวกับอะไร ชอบเดินทาง ผจญภัย เปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และสนใจทุกศาสตร์ที่เป็นการถ่ายทอดเรื่องราว
ลูกเป็ดขี้เหร่ที่อยากเดินทางออกไปรอบโลก เพราะเชื่อว่าที่แห่งใดมีผู้คน ที่แห่งนั้นย่อมมีสิ่งให้เรียนรู้อีกเสมอ ขวนขวายอิสระ และการไม่ถูกจดจำอย่างถึงที่สุด
ช่างภาพที่รักการค้นหาสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา รักในการเก็บภาพถ่ายช่วงเวลาของผู้คน ชื่นชอบวิถีชีวิตรวมถึงสิ่งเเวดล้อมทั้งสถาปัตยกรรมเเละธรรมชาติ
การวาดรูปเล่น และ การเดินทาง ทำให้เกิด"กาแฟดำไม่เผ็ด" ซึ่งพาผู้คนเดินทางสำรวจสถานที่ต่างๆผ่านภาพวาดและการเล่าเรื่อง...
นิพนธ์ โสภณวัฒนวิจิตร ZEMBE นอกจากงานวาดภาพประกอบให้สารคดีและวีแมกซ์แล้ว •เลี้ยงแมว 1 ตัว •วาดภาพประกอบหนังสือธรรมะ 15 ปี •เปิดรร.สอนศิลปะเด็ก •เปนอจ.พิเศษสอนคณะนิเทศศิลป ม.กรุงเทพ ???