Page 159 - Skd 361-2558-03
P. 159

วันที่  ๑๐  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๘  ก่อนหน้าค�าพิพากษา                                     หลังกลับจากไปท�างานเบาๆ ในสวน คุณยายต้องใส่
                                                                                     สายออกซเิ จนเพอ่ื ใหส้ ามารถหายใจไดเ้ ปน็ ปรกต ิ เชน่
เร่ืองผลกระทบด้านสุขภาพน้ี  ๒  สัปดาห์    ศาลปกครองสูงสุดได้                         เดียวกับชาวแม่เมาะคนอ่ืนๆ ท้ังแม่ลูก และคุณตาท่ี
พิพากษาคดีซ่ึงชาวแม่เมาะจ�านวน  ๓๑๘  คนย่ืนฟ้องเหมืองถ่านหิน                         ต้องนอนพึง่ สายออกซเิ จนอยู่ใตถ้ ุนบ้าน
แม่เมาะไม่ปฏิบัติตามมาตรการท่ีก�าหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ 
ผลกระทบส่ิงแวดล้อม (EIA)                                            ผฟู้ อ้ งคดไี มส่ ามารถเสนอพยานหลกั ฐานเพอื่ พสิ จู นถ์ งึ ความเสยี หายได้
                                                                    วา่ เกดิ จากเหมือง 
    ศาลได้พิพากษาให้ กฟผ. ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไข
ผลกระทบส่ิงแวดล้อม  เช่น  ติดต้ังม่านน�้ายาว  ๘๐๐  เมตรบริเวณ           ในคดีนี้  สุรชัย  ตรงงาม  เลขาธิการมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม 
ท่ีท้ิงดินเพื่อลดฝุ่นละออง    ตั้งคณะท�างานท้องถิ่นและผู้เช่ียวชาญ  หนึ่งในทนายความของคดี  ตั้งข้อสังเกตถึง  “ความยุติธรรมทางส่ิง
พิจารณาอพยพราษฎรที่ได้รับผลกระทบและมีความประสงค์จะอพยพ              แวดลอ้ ม” ในสงั คมไทย วา่ แมจ้ ะมคี วามเสยี หาย แตเ่ มอื่  “พสิ จู นไ์ มไ่ ด”้  
ออกนอกรัศมีผลกระทบ  ๕  กิโลเมตร    ฟื้นฟูขุมเหมืองให้ใกล้เคียง      กฟผ. จงึ ไมต่ อ้ งจา่ ยคา่ เสยี หาย เพราะผฟู้ อ้ งหาหลกั ฐานมาอา้ งไมเ่ พยี ง
กับสภาพตามธรรมชาติ  โดยการถมดินกลับในบ่อเหมืองและปลูกป่า            พอ  แม้ศาลปกครองมีอ�านาจไต่สวนหาข้อเท็จจริงก็ตาม    นอกจากน ้ี
แทนการน�าพื้นที่ไปท�าเป็นสวนพฤกษชาติและสนามกอล์ฟ    ขนส่ง           ค�าพิพากษายังถือว่าการท่ีอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการ
เปลือกดินโดยใช้ระบบสายพานที่ติดต้ังสเปรย์น�้า  แล้วปล่อยดินใน       เหมืองแร่ไม่เพิกถอนประทานบัตรเหมืองถ่านหินของ  กฟผ. เป็น 
ต�าแหน่งท่ีไม่อยู่ต้นลมซึ่งพัดผ่านไปยังชุมชน  และห่างจากชุมชน       ดลุ พนิ จิ ทใ่ี ชอ้ า� นาจตามเหตผุ ล ประกอบกบั การไมป่ ฏบิ ตั ติ ามมาตรการ
ไม่น้อยกว่า  ๕๐  เมตร  ฯลฯ  โดยระบุให้ด�าเนินการภายใน  ๙๐  วัน      ด้านส่ิงแวดล้อมของ  กฟผ.  ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อส่วนรวม 
นบั แต่วันทีศ่ าลมีคา� พพิ ากษา                                     และ “...การใช้อา� นาจเพิกถอนประทานบัตร ย่อมส่งผลกระทบต่อการ
                                                                    ผลิตกระแสไฟฟ้า  อันจะเกิดความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ...” 
    อย่างไรก็ตามค�าพิพากษาในคดีนี้ให้น้�าหนักที่เทคนิคด้านส่ิง      ซึ่งสะท้อนมโนทัศน์เรื่องพลังงานถ่านหินว่าคือความม่ันคงพลังงาน 
แวดล้อมซ่ึง  กฟผ. ละเลย  ขณะท่ีสาระส�าคัญเรื่องผลกระทบต่อชีวิต      โดยไม่พิจารณาพลังงานทางเลือกอ่ืน ๆ  และยังสะท้อนให้เห็นว่าการที่
สุขภาพอนามัยของผู้ฟ้องคดีที่ฟ้องเพ่ิมเติมนั้นตกไป  โดยศาลระบุว่า    เหมอื งไดร้ บั ความเหน็ ชอบเรอื่ งการตรวจประเมนิ ผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ ม
                                                                    นั้น  ไม่ได้หมายความว่าเหมืองมีความปลอดภัย  เพียงแต่อาจช่วยลด 
                                                                    ผลกระทบได้หากทา� ตามเงือ่ นไข

                                                                    มนี าคม ๒๕๕๘                                                                      157
   154   155   156   157   158   159   160   161   162   163   164