หมวกสองใบที่มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ


protest2

ปี 2550 มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จะมีอายุครบ 24 ปี อได้ว่าเป็นองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติเก่าแก่และเข้มแข็งที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ก่อตั้งโดยคุณหมอบุญส่ง เลขะกุล และเพื่อน ๆ ตั้งแต่ปี พ..2526  อาทิตย์ที่ผ่านมา มีข่าวความขัดแย้งเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในมูลนิธิแห่งนี้ เป็นข่าวติดต่อกันหลายวัน protest1

เมื่อนาย พิสิษฐ์ ณ พัทลุง ประธานมูลนิธิได้ออกคำสั่งปลดนายสุรพล ดวงแข ออกจากตำแหน่งเลขาธิการมูลนิธิ และลดตำแหน่งนายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการ ไปเป็นเจ้าหน้าที่กิจกรรมอนุรักษ์ 

หากดูผิวเผิน ก็คงไม่ต่างจากการปรับย้ายพนักงานในองค์กรเพื่อความเหมาะสม ซึ่งที่ไหน ๆ เขาก็ทำกันแต่เมื่อมองลึกเข้าไปแล้ว ข่าวความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในองค์กรแห่งนี้ ก็ไม่ต่างจากภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ขึ้นมาให้เราเห็น แต่ลึกลงไปมีเรื่องราวอีกมากมาย 

มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ ก่อตั้งขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่าอย่างจริงจัง และยังมีโครงการรณรงค์ให้ หยุดกิน หยุดซื้อ หยุดล่า สัตว์ป่าไม่สูญพันธุ์เพื่อต่อต้านการค้าสัตว์ป่า ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการล่าสัตว์ป่า 

คนทั่วไปคงไม่ทราบว่า การค้าสัตว์ป่าเป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรมหาศาล มีมูลค่าสูงถึงปีละหกหมื่นล้านบาท ซึ่งมากพอที่จะทำให้หลายคนกระโจนเข้ามาทำธุรกิจนี้อย่างเงียบ ๆ ถึงขนาดที่ พล...เสวก ปิ่นสินชัย อดีตผู้บังคับการกองตำรวจป่าไม้เคยกล่าวว่า 

ประเทศไทยโชคร้ายมาก ๆ ที่กลายมาเป็นศูนย์กลางการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในโลก มันเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทุกคนรู้แต่ไม่มีใครกล้าแตะ 

จ้าหน้าที่ทราบดีว่า ประเทศไทยเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดของการค้า ซื้อขายนกป่าและสัตว์เลื้อยคลานจากทั่วโลกยิ่งเป็นสัตว์ป่าหายาก ราคาก็ยิ่งสูง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ต้องไปจับ ไปล่ามาจากในป่า หลายครั้งเราจึงเห็นข่าวการจับสัตว์ป่าได้ ไม่ว่าจะเป็นนกป่าชนิดต่าง ๆ เต่า ตัวนิ่ม ชะนี นางอาย อีเห็น ฯลฯ ซึ่งองค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่าหลายแห่งมีส่วนในการแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ทราบ การค้าสัตว์จึงดูเหมือนจะเป็นเหรียญคนละด้านกับการอนุรักษ์สัตว์ป่า 

แต่ที่ผ่านมาคนในวงการอนุรักษ์ได้ตั้งข้อสงสัยมาตลอดถึงบทบาทของประธานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ คนปัจจุบันว่าเหมาะสมแค่ไหนที่จะดำรงตำแหน่งผู้นำองค์กรอนุรักษ์แห่งนี้ เพราะมีข่าวเกี่ยวกับการค้าสัตว์มาเป็นระยะ 

ประธานมูลนิธิคนปัจจุบันเคยเป็นอดีตผู้อำนวยการสวนสัตว์ และในช่วงเวลานั้น ก็มีข่าวพัวพันกับการจัดซื้อสัตว์เข้าองค์การสวนสัตว์ ภายหลังประธานมูลนิธิได้ทำธุรกิจเปิดร้านอาหารชื่อ เพื่อนเดรัจฉาน แถวถนนรามอินทรา ซึ่งก่อตั้งโดยมีวัตถุประสงค์เป็นร้านขายอาหารและซื้อขายแลกเปลี่ยนสัตว์ คนที่เคยไปกินอาหารร้านนั้น ทราบดีว่า บรรยากาศภายในร้านไม่แตกต่างจากสวนสัตว์ขนาดเล็ก แต่ที่น่าสนใจคือมีสัตว์หายากจำนวนมากถูกกักขังเอาไว้ในกรง 

ต่อมาก็มีข่าวว่าประธานมูลนิธิรับงานเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทสยามโอเชี่ยนเวิลด์ ในสยามพารากอน ซึ่งเป็นธุรกิจแสวงหาผลกำไรจากการนำสัตว์ทะเลหายากมาจัดแสดง และเป็นข่าวเกรียวกราวเมื่อแรกเปิดอควาเรียมแห่งนี้ว่ามีสัตว์ทะเลจำนวนมากตายในอควาเรียมแห่งนี้ เวลานั้นบรรดานักข่าวและนักอนุรักษ์ต่างพยายามสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่า ที่มาของสัตว์ทะเลในอควาเรียมส่วนหนึ่งมาจากขบวนการลักลอบจับปลาสวยงามในทะเลไทยหรือไม่ 

ไม่นานนักก็มีข่าวอีกว่า บริษัทเอเชี่ยน ไวด์ไลฟ์ คอนซัลแตนซี ซึ่งมีที่อยู่บ้านเลขที่เดียวกับร้านอาหารเพื่อนเดรัจฉาน เป็นบริษัทผู้รับผิดชอบในการจัดส่งช้างไทย 8 เชือกไปประเทศออสเตรเลีย  ถึงคราวนี้องค์กรอนุรักษ์จำนวนมาก รวมถึงเจ้าหน้าที่ในมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ ที่ถูกปลด พากันออกมาประท้วงคัดค้านอย่างรุนแรง เพราะช้างไทยดังกล่าวที่จะส่งออกนอกประเทศ

ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่ามาจากการลักลอบจับช้างในป่าหรือไม่ หากการลักลอบจับปลาการ์ตูน ปลาสวยงามชนิดอื่น หรือการจับลูกช้างป่ามาขายเป็นเรื่องที่ไม่ต้องใส่ใจ อนาคตของสัตว์ป่าเหล่านี้จะเป็นเช่นไรก็คงนึกภาพออก คุณพิสิษฐ์ ณ พัทลุง เป็นคนมีการศึกษาสูง เป็นนักดูนกตัวยง เคยเป็นถึงวุฒิสมาชิก ผู้อำนวยการสวนสัตว์ เป็นนายกสมาคมสวนสัตว์อาเซียน เคยได้รับรางวัลอนุรักษ์มามากมายทั้งในและต่างประเทศ เป็นคนพูดเก่ง บุคลิกดี มีวาทศิลป์เป็นเลิศ 

คุณพิสิษฐ์ให้สัมภาษณ์ตลอดเวลาว่าเป็นคนรักสัตว์ ชอบเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งทุกคนทราบดีว่าเป็นเรื่องจริง การค้าสัตว์ก็เป็นธุรกิจอันหนึ่งซึ่งไม่ได้ทำผิดกฎหมายอันใด แต่การสวมหมวกเป็นประธานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ อันเป็นองค์กรสาธารณะที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและคุ้มครองสัตว์ป่า กับสวมหมวกพ่อค้าสัตว์ ที่มีเป้าหมายเพื่อธุรกิจนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถไปด้วยกันได้อย่างเด็ดขาด  ………………… เมื่อหลายปีก่อน ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างแห่งหนึ่งซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูง ได้ทำจดหมายลาออกจากตำแหน่งประธาน เนื้อความในจดหมายพอสรุปได้ว่า เนื่องจากท่านได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้รับผิดชอบดูแลการจัดส่งช้างจำนวนหนึ่งที่ซื้อจากประเทศไทยส่งไปต่างประเทศ และคิดว่าภารกิจนี้น่าจะขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของมูลนิธิที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อการอนุรักษ์ช้าง จึงขอลาออกจากตำแหน่งประธาน เพื่อมิให้มูลนิธิแห่งนี้มีข้อครหาแต่ประการใด 24 ปีขององค์กรอนุรักษ์เก่าแก่ที่สุดแห่งนี้ ถึงเวลาผลัดใบหรือยัง 

ตีพิมพ์ครั้งแรก: หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 27 พฤษภาคม 2550

 

 

Comments

  1. กระซวก

    เคยเห็นคุณพิศิษฐ์ ออกมาโต้เรื่องเขื่อนแก่งเสือเต้นกับ อธิบดีกรมชล ในทีวี เมื่อ 15 ปีที่แล้ว นึกไม่ออกว่าทำไมวันนี้ จึงมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นได้ แต่รู้สึกทะแม่งตั้งแต่ตอนที่คุณพิศิษฐ์ เป็น ผอ.องการสวนสัตว์แล้ว เศร้ากับวงการอนุรักษ์ของไทย สมัยก่อนมีสื่อเป็นแนวร่วมแข็งขันแต่สมัยนี้สื่อทำเพื่อปากท้องอย่างเดียว ไม่เว้นหน้าไหนที่ยกย่องกันว่า เป็นสื่อดีทั้งนั้น ในรอบปีหาข่าวหรือสารคดีเกี่ยวกับอนุรักษ์อย่างถึงแก่นแทบไม่มี

  2. กระซวก

    ไหนๆสารคดี ตอมคนกันเองแล้วก็ช่วย ยกเล่มนึงตีแผ่มูลนิธิให้คนข้างนอกรู้เรื่องที่คิดว่าไม่ชอบมาพากลให้หน่อย อาจจะปลุกจิตสำนึกประชาชนได้อีกครั้ง

  3. วู

    สวัสดีคร่ะ

    อยากจะมาเม้ม ว่า ช่วยมาช่วยช้างน้อย น่าจะอายุไม่มาก

    ในซอย ลาดพร้าว 126 จะมีคนพาช้างมาเดินเร่ขายอ้อยอาค่ะ ทุกวันเวลาประมาณ

    1 ทุ่ม – 4 ทุ่ม

  4. คนรักสัตว์

    ใครเคยเห็นม้าที่ลากรถม้าที่ลำปางบ้าง น่าส่งสารมากเวลาที่ไม่ได้ลากก็ยังต้องอยุ่กับพันธนาการ เหมือนติดคุกตลอดชีวิตเลย สิ่งที่ทำให้ผมสะเทือนใจมากที่สุดก็คือ เหล็กอะไรก็ไม่ทราบที่เขาใช้คล้องไว้ที่ปากของมันตลอดเวลาลองนึกภาพ แล้วก็ลองคิดว่าเป็นตัวของเราบ้างจะเป็นยังไง อยากให้คนที่มีอำนาจหน้าที่หรือใครก็ได้ลองไปทบทวนดูไอ้สัญลักษณ์ของจังหวัดบ้าๆนี้หน่อยมันงดงาม หรือสำคัญแค่ไหน ถึงไม่เคยคิดถึงชีวิตของผู้อื่นเลย

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.