Page 158 - Skd 365-2558-07
P. 158
สรา้ งความเขม้ แขง็ บทบาทของเขาก้�ำกงึ่ อยรู่ ะหวา่ งนกั กฎหมาย มาเกยี่ วขอ้ ง โตง้ ยอมรบั วา่ ในกลมุ่ ดาวดนิ กม็ เี รอ่ื งน้ี และเปน็ หนา้ ที่
กบั เอน็ จโี อ เปน็ งานชว่ ยเหลอื สงั คมทไี่ มเ่ กดิ รายได ้ แตเ่ ขาดำ� รงชพี ของผอู้ ยมู่ ากอ่ นทตี่ อ้ งชว่ ยชน้ี ำ� ใหเ้ หน็ ขอ้ ดขี อ้ เสยี “ใหม้ เี หตผุ ลบา้ ง
อย่ดู ้วยรายไดจ้ ากธุรกิจคาร์แคร์ แทนท่จี ะใชค้ วามรู้สึกกันอย่างเดยี ว”
โดยฐานะถือว่าต่างจากเพ่ือนนักกิจกรรมดาวดินท่ียังอยู่ “นักกิจกรรมเปน็ แฟนกันส่งผลทางบวกหรือลบ ?”
ในสถานภาพนักศึกษาซึ่งมักต้องเผชิญคำ� ถามและการตีตราว่า-- “มที ง้ั สองแง ่ ผลดกี ห็ นนุ เสรมิ กนั ทำ� งาน ในทางลบคอื ดงึ กนั
เรียนใหจ้ บก่อน เอาตวั เองยังไมร่ อด จะช่วยสังคมได้อยา่ งไร ออกไป พอมีแฟนก็ตัดขาดจากคนอื่น กลายเป็นความรักของ
สองคน มเี วลาใหก้ ันแค่สองคน”
ไผย่ อ้ นกลบั “ยงั ไมเ่ คยเห็นคนท่พี ูดอย่างนนั้ ทำ� จรงิ สกั ที” และอาจเป็นธรรมดาของคนวัยหนุ่มเช่นกันท่ีย่อมต้องมีห้วง
“ทหารก็โจมตีเราว่า กลับไปเรียนให้จบจะได้ไม่ต้องขอเงิน เวลาส�ำหรบั การกนิ ดืม่ บา้ ง
พอ่ แม ่ นอ้ งยงั เปน็ เดก็ ขอใหต้ ง้ั ใจเรยี น” เขาเลา่ บางฉากจากหอ้ ง เฟิร์นเล่าว่าเธอมาบ้านดาวดินก็เห็นพ่ีต้ังวงสังสรรค์กันอยู่
รับรองค่ายศรีพัชรินทรในวันที่ถูกน�ำตัวเข้าไป “แต่ทัศนคติเขา แต่เธอแปลกใจที่เห็นเขาคุยกันเร่ืองปัญหาชาวบ้าน เธออยาก
ผมรบั ไมไ่ ด ้ ผมมองวา่ ชวี ติ นกั ศกึ ษามนั อสิ ระ ในชว่ งเปน็ นกั ศกึ ษา คุยด้วยเลยกินน้�ำหวานนงั่ คุยกับเขา
น่ีแหละควรเก็บเก่ียวอะไรให้มากกว่าใบปริญญา มหาวิทยาลัย เชน่ เดยี วกบั โตง้ เมอื่ ตอนเปน็ นอ้ งใหมม่ าเจอวงของรนุ่ พ ี่ โตง้
เป็นสนามชีวติ จรงิ ” เคยเห็นแต่วงท่ีคุยกันเรื่องสัพเพเหระ เร่ืองส่วนตัว แต่วงนี้คุย
“อาจารย์ก็ว่าให้จบก่อนค่อยไปช่วย” บางฉากจากในมหา เรือ่ งสังคมเร่อื งอุดมการณ์ จนต่อมาเขากไ็ ดพ้ บว่าบางทกี ิจกรรม
วิทยาลัย “แต่เราเห็นว่านักศึกษาเป็นส่วนหน่ึงของสังคมก็ต้อง ดี ๆ ก็ไดจ้ ากในวงสังสรรค์น้ันแหละ
ชว่ ยสังคม” ไผ่บอกว่านักกิจกรรมไม่จ�ำเป็นต้องกินเหล้า แต่ตัวเขาด่ืม
ถึงวันที่เขาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนจนต้อง มาก่อน เมื่อมาเป็นนักกิจกรรมก็ยังท�ำอยู่ แต่เปลี่ยนมาคุยกัน
เข้าไปอยู่ในเรือนจ�ำ โต้งยังฝากค�ำข้ามกรงขังถึงอาจารย์ของเขา เรือ่ งสังคม
ท่ีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นว่า “ตอนปฐมนิเทศ “จะดีไหมถ้าเป็นนักกจิ กรรมแลว้ ไม่ตอ้ งกินเหล้าดว้ ย ?”
นักศึกษา อาจารย์คณบดีเปรียบเทียบว่าความรู้ก็เหมือนน้�ำ ต้อง “แล้วแต่ ผมไม่ซีเรียส เพื่อนบางกลุ่มเขาเป็นเด็กเรียนท่ีมี
ไม่ศึกษาจนเต็มแก้ว แต่ต้องศึกษาจนล้นแก้วเพ่ือเติมให้คนอ่ืน จิตอาสา อันนั้นเขาก็น่ารัก ๆ แต่เราด่ืมมาก่อน เป็นเสรีชน ไม่มี
และสังคม ไม่ใช่เพื่อตนเอง ตั้งแต่วันน้ันจนถึงวันน้ีผมและเพื่อน วินัย”
ยังท�ำตามทอี่ าจารย์บอก” “เคยได้ยินมาว่า ไม่กินเหล้าสูบยาไม่ได้หมายถึงพฤติกรรม
โต้งเรียนอยู่ปี ๕ แล้ว ซึ่งตามระบบจะจบใน ๔ ปี เขาบอก ของคนดี” เฟิร์นเสนอทฤษฎีตามท่ีได้รับฟังมา พร้อมให้ข้อสรุป
วา่ ทย่ี ดื เยอ้ื มาไมใ่ ชเ่ พราะกจิ กรรม แตอ่ ยทู่ ค่ี วามรบั ผดิ ชอบตวั เอง “แต่เปน็ พฤตกิ รรมของคนรกั สขุ ภาพ เฟริ น์ วา่ มันใช่เลย”
“กจิ กรรมไมเ่ ปน็ อปุ สรรคตอ่ การเรยี น เพอ่ื นดาวดนิ สว่ นใหญ่
กจ็ บใน ๔ ป ี ขึน้ อยู่กับว่าเราจดั การได้หรอื เปลา่ ”
การไปลงพ้ืนที่เลือกวันว่างหรือเสาร์-อาทิตย์ได้ แต่บางที
การไปร่วมกิจกรรมกับชาวบ้านนั้นจ�ำเป็นต้องขาดเรียน และหาก
อยู่ไกลก็ต้องค้างในพื้นที่ สุดท้ายก็ข้ึนอยู่ที่ว่าแต่ละคนจัดการ
ตวั เองได้ไหม
“แท็กเปน็ สมาชกิ คนหนงึ่ ของบ้านน้กี เ็ รียนจบใน ๔ ป”ี
โต้งชี้ไปที่แท็ก เพื่อนดาวดินซึ่งเพ่ิงเรียนจบใหม่หมาดและ
ก�ำลังงว่ นอยกู่ ับการเก็บของเตรยี มกลับบา้ นทีน่ ครพนม
บ้านดาวดินจำ� ต้องขาดสมาชิกไปคนหนึ่ง แต่ช่วงหลังเขาว่า
มีคนใหม่ ๆ เข้ามาไม่ขาด ปัจจุบันมีสมาชิกท่ียังเป็นนักศึกษา
อยู่ราว ๒๐ คน แต่หากนับรวมทั้งหมดจากรุ่นแรกก็คงนับร้อย
มีคนอยู่ประจ�ำในบ้านดาวดินคราวละส่ีห้าคน มีพ่อบ้านแม่บ้าน
เป็นคนคอยจัดการดูแลค่าเช่าค่าใช้จ่ายในบ้าน คนที่ไม่ได้อยู่
ประจำ� ก็ช่วยสมทบคา่ น�ำ้ ค่าไฟ
และเปน็ ธรรมดาของคนวยั หนมุ่ สาวทยี่ อ่ มตอ้ งมเี รอื่ งความรกั
158 กรกฎาคม ๒๕๕๘