เรื่อง / ภาพ วีระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง

การตายใต้สถานการณ์โควิด

คนทุกวัยในหมู่บ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีอย่างนี้

ประเพณีวิถีชีวิตเปลี่ยนไปหมดจากความรู้ความคุ้นเคยที่ทำกันมา

หลังประกาศฉบับที่ ๘/๒๕๖๓ จากผู้ว่าฯ กระบี่ตอนหนึ่งว่า “…ห้ามชุมนุมเกิน ๕ คน เช่น งานแต่ง งานบวช กิจกรรมทางศาสนา วัฒนธรรม และกีฬา ยกเว้นงานศพ ให้จัดระยะห่างอย่างน้อย ๒ เมตร และห้ามจัดเลี้ยง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข”

หลังคำประกาศฉบับนี้ ไม่ใช่แค่การไปร่วมงานศพโดยต้องนั่งฟังสวดแบบห่างๆ กัน ตามหลักรักษาระยะห่างทางสังคม

แต่ต้องนับว่าสถานการณ์โควิด-๑๙ ได้พลิกเปลี่ยนโฉมหน้าประเพณีการจัดพิธีศพของชาวใต้ไปอย่างสิ้นเชิง

เป็นที่รู้กันว่างานศพภาคใต้นั้นเน้นการจัดเลี้ยง งานไหนทำอาหารหลากหลาย กับข้าวกินดีกินอร่อย ก็จะเป็นหน้าตาเป็นที่จดจำเล่าขานกันไปยาวนาน

อีกทั้งงานศพยังเป็นคล้ายงานรวมญาตินับญาติด้วยกลายๆ เครือญาติพี่น้องอยู่ต่างอำเภอต่างจังหวัดจะรวมตัวกันมาเป็นคันรถ รวมทั้งชักชวนเพื่อนบ้านมาด้วยเป็นกลุ่มก้อน ระดมกันมาได้มากเท่าใดยิ่งดี

แต่คำสั่งตามประกาศต้านภัยโควิด-๑๙ ของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกระบี่ ได้สลายค่านิยมประเพณีการจัดงานศพแบบเดิมไปหมดในช่วงนี้ แขกเหรื่อสามารถมาร่วมงานศพได้แต่คนในตำบลเดียวกัน ตามคำสั่งปิดทุกตำบลของอำเภอคลองท่อม ที่ออกมาพร้อมประกาศจังหวัดฉบับที่ ๙/๒๕๖๓

deadcovid02 deadcovid03 deadcovid04

อาหารการกินแบบตั้งโต๊ะจัดเลี้ยงถูกระงับ ปรับเป็นข้าวกล่องให้แขกเหรื่อถือกลับไปกินบ้านใครบ้านมัน

ตามประเพณีงานศพในภาคใต้เป็นงาน ๒๔ ชั่วโมง เจ้าภาพยกครัวไปกินนอนอยู่ที่วัด เตรียมพร้อมต้อนรับแขกเหรื่อได้ตลอดเวลา ใครมาตอนไหนมีสำรับอาหารยกมาต้อนรับกันตอนนั้น

งานศพครึกครื้นตลอดคืนด้วยวงพนันและวงสุรา นัยว่าเป็นการมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าภาพไม่ให้งานศพเงียบหงอยเหงาเศร้าเกินไป แต่ขณะเดียวกันวงพนันก็ทำรายได้ให้เจ้ามือและเจ้าภาพไม่ใช่น้อยๆ จากค่าต๋ง

แต่งานศพช่วงนี้ต้องแยกย้ายกันก่อน ๔ ทุ่ม ตามคำประกาศเคอร์ฟิว

การห้ามชุมนุมใกล้ชิดคลุกคลีกัน ครอบคลุมถึงวงการพนันและวงเหล้าโดยปริยาย งานศพช่วงนี้จึงเป็นงานศพปลอดอบายมุขอย่างแท้จริง

พิธีสวดพระอภิธรรมที่ปรกติมักเริ่มหลังพลบค่ำ ก็ขยับเร็วขึ้นก่อนตะวันตกดิน เพื่อให้แขกเหรื่อมีเวลากลับเข้าบ้านได้ทันก่อนมืด

ผู้เฒ่าบางคนเล่าว่าชั่วชีวิตเคยผ่านสถานการณ์โรคระบาดมาหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยมีครั้งไหนทำให้บ้านเมืองเปลี่ยนไปเท่าครั้งนี้

เป็นภาวะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้คนส่วนใหญ่อาจรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้าย แต่ในสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คนฉลาดย่อมมองหาด้านดีและปรับตัวเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมให้ได้แบบไม่บั่นทอนใจตน