Click here to visit the Website
กลับไปหน้า สารบัญ จ า ก บ ร ร ณ า ธิ ก า ร
"จงปลุกปลอบใจให้กล้าหาญ นี่เป็นวันดีที่จะตาย จงคิดถึงเด็ก ๆ และคนที่คุ้มครองตัวเองไม่ได้ ที่อยู่บ้าน"
            (บทเพลงก่อนออกรบของนักรบอินเดียนแดงเผ่าซู)

   มองปัญหาชนกลุ่มน้อยตามชายแดนไทย-พม่าแล้ว ชวนให้นึกถึงเรื่องราวในอดีต ของชนเผ่าอินเดียนแดง เจ้าของแผ่นดินอเมริกาเหนือมาแต่ดั้งเดิม
    ร้อยกว่าปีก่อน บนแผ่นดินอเมริกาเหนือ สงครามอันยาวนาน ระหว่างคนขาวผู้อพยพเข้ามา ภายหลังโคลัมบัสค้นพบแผ่นดินใหม่ กับอินเดียนแดงเผ่าต่าง ๆ กำลังเดินทางมาถึงฉากสุดท้าย
    ในเวลานั้น มีคนขาวที่หลั่งไหลมาจากยุโรป เข้ามาอาศัยอยู่ในทวีปแห่งนี้ถึง ๓๐ ล้านคน พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัย ขณะที่อินเดียนแดงทั้งหมด มีอยู่ไม่ถึงครึ่งล้านคน นักรบอินเดียนแดงถูกไล่ล่าอย่างหนัก สมรภูมิรบหลายแห่ง ที่พวกเขาเคยเอาชนะทหารสหรัฐอเมริกาได้ ก็ถูกตีแตกพ่าย

      นโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ คือการกวาดล้างเผ่าพันธุ์อินเดียนแดง และยึดเอาดินแดนทั้งหมด ของอินเดียนแดง เผ่าต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วทวีป ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้น รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทำสนธิสัญญา ไม่รุกรานต่อกัน โดยแบ่งเขตชัดเจนว่า ดินแดนใดเป็นของคนขาว ดินแดนใดเป็นของอินเดียนแดง
    แต่สุดท้ายรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ฉีกสัญญาทิ้ง ส่งกองทัพเข้ารุกราน บุกยึดดินแดนของอินเดียนแดง และปราบปรามอินเดียนแดง อย่างป่าเถื่อน และโหดร้าย ทั้งเข่นฆ่า ข่มขืน และเผาบ้านเรือน จนเจ้าของแผ่นดินตัวจริง ล้มหายตายจากไปเกือบครึ่ง ที่เหลือถูกบังคับให้อพยพ ไปอยู่ในเขตสงวน อันเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ปลูกอะไรก็แทบไม่ได้ ทั้งยังห้ามออกนอกพื้นที่ ดูไม่ต่างจากค่ายกักกันขนาดใหญ่
    สภาพของอินเดียนแดง ช่างคล้ายคลึงกับบรรดากะเหรี่ยง และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ ในพม่า ที่กำลังถูกรัฐบาลสลอร์ก ปราบปรามอย่างหนักในเวลานี้
    ในปี พ.ศ. ๒๔๒๐ รัฐบาลสหรัฐฯ บังคับให้อินเดียนเผ่าเน็ซเพียซ อพยพออกจากบริเวณหุบเขาวัลโลวา ที่พวกเขาอาศัยอยู่กันมาหลายชั่วอายุคน ให้ไปอยู่ในเขตสงวนแลปไว ที่ทางการจัดให้ แต่โจเซฟหัวหน้าเผ่าเน็ซเพียซ ปฏิเสธที่จะอพยพออกไปจากดินแดน ของพ่อแม่พวกเขา รัฐบาลคนขาวจึงส่งนายพลโฮเวิร์ด พร้อมกำลังทหารมาจัดการกับเผ่าเน็ซเพียซ
      หัวหน้าโจเซฟพาคนของเขา ซึ่งประกอบด้วยนักรบ ๒๕๐ คน ผู้หญิงและเด็ก ๔๕๐ คน ม้าอีก ๒,๐๐๐ กว่าตัว ข้ามแม่น้ำหนีกองทัพ ของนายพลโฮเวิร์ด ที่ติดตามมาอย่างกระชั้นชิด และเข้าโจมตีนักรบอินเดียนแดง ด้วยกำลังพลที่มากกว่า แต่หัวหน้าโจเซฟและบรรดานักรบ ได้ใช้ความเชี่ยวชาญที่เหนือกว่า ต่อสู้จนทหารผิวขาวต้องแตกพ่ายกลับไปทุกครั้ง
    หัวหน้าโจเซฟพาคนของเขาซึ่งมีทั้งคนแก่ ผู้หญิง และเด็ก หนีเตลิดไปไกลกว่า ๓๐๐ ไมล์ สร้างความประหลาดใจ ให้แก่กองทัพบกสหรัฐฯ เป็นอย่างยิ่ง ทางกองทัพกลัวว่า หากข่าวนี้แพร่ออกไป จะเป็นการประจาน ความไร้ประสิทธิภาพของทหาร ที่ไม่สามารถจัดการกับ อินเดียนเผ่าเล็ก ๆ นี้ได้ จึงสั่งเคลื่อนกำลังทหาร หลายพันนายเข้ามา เพื่อทำการรบให้แตกหักเป็นครั้งสุดท้าย
ฉบับหน้า : ๑๐๐ ปี ปรีดี พนมยงค์
ฉบับหน้า
๑๐๐ ปี ปรีดี พนมยงค์
นักการเมือง ที่แท้จริง ของประชาชน
    กองทหารม้าสหรัฐฯ เดินทางมาถึงบริเวณแม่น้ำมิสซูรี และได้เข้าโอบล้อมชาวเน็ซเพียซ ซึ่งขณะนั้นเหลือนักรบไม่กี่สิบคน กับเด็ก ผู้หญิง และคนชรา ที่กำลังจะตาย เพราะความหิวโหย และพายุหิมะ ทหารยื่นคำขาดให้อินเดียนยอมจำนน อย่างไม่มีเงื่อนไข หัวหน้าโจเซฟตระหนักดีว่า พวกเขาไม่มีทางชนะอีกต่อไป
    ที่ตรงนี้เอง หัวหน้าโจเซฟได้กล่าวคำประกาศยอมแพ้ คำประกาศนี้ สะเทือนหัวใจทุกคน จนกลายเป็นสุนทรพจน์ประวัติศาสตร์ ที่มีการกล่าวถึงบ่อยที่สุด
    "บอกนายพลโฮเวิร์ดเถิดว่าข้ารู้ถึงหัวใจของเขา สิ่งที่เขาบอกข้า ฝังอยู่ในหัวใจของข้ามาก่อน ข้าเหนื่อยที่จะสู้รบต่อไป หัวหน้าของเราถูกฆ่าหมด ลุกกิ้ง กลาส ตายแล้ว มันเป็นเรื่องของคนหนุ่ม ที่จะพูดว่าสู้หรือไม่สู้ ผู้ที่นำคนหนุ่มทั้งหลายออกรบตายไปแล้ว อากาศหนาวเย็น และเราต้องการผ้าห่ม เด็ก ๆ ของเรากำลังจะหนาวตาย ประชาชนของข้า หนีไปซ่อนตัวในหุบเขา ไม่มีผ้าห่ม ไม่มีอาหาร และไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน บางทีอาจจะหนาวตาย ข้าต้องการเวลาที่จะค้นหาเด็ก ๆ ของข้า และนับดูว่าเหลือรอดกี่คน บางทีข้าอาจหาพวกเขาเจอท่ามกลางซากศพ
    จงฟังข้า หัวหน้าทั้งหลายของข้า หัวใจข้าอ่อนล้าและโศกเศร้า
    ณ ที่ดวงตะวันฉายแสง ข้าจะไม่สู้รบอีกต่อไป"
    แต่ทหารสหรัฐฯ ไม่ได้พาอินเดียนเหล่านี้ ไปเขตสงวนแลปไวตามสัญญา แต่กลับนำตัวไปคุมขังในป้อมทหารแห่งหนึ่ง ในฐานะเชลยศึก ชาวเน็ซเพียซร่วมร้อยคนล้มตายลงที่นั่น ด้วยโรคภัย และขาดอาหาร
    หลายปีต่อมาหัวหน้าโจเซฟ ถูกเนรเทศในฐานที่เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา และตายลงอย่างเงียบ ๆ ในป่าแห่งหนึ่ง
    เหตุการณ์ผ่านไปร้อยกว่าปี แต่โศกนาฏกรรมของชาวอินเดียนแดงเหล่านี้ ยังร่วมสมัย กับปัญหาชนกลุ่มน้อยทั่วโลกได้เสมอ

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
Vanchai@Sarakadee.com
vanchait@hotmail.com

 
 สนับสนุน หรือ คัดค้าน
นักศึกษากับ การประกวดนางงาม โอกาสที่ยั่งยืน หรือเย้ายวน

สิทธิคนไทย กับการดูหนังเรื่อง Anna and the King
สารบัญ | จากบรรณาธิการ | ย้อนรอย ๑๕ ปี สารคดี | อาชญากรเด็ก ? เหยื่อความรุนแรงในครอบครัว | กินอย่างคนภูเก็ต | ลาก่อน "พีนัตส์" | นักรบชายขอบ การต่อสู้ของชนกลุ่มน้อย ชายแดนไทย-พม่า | ซองคำถาม | เฮโลสาระพา
Soldiers at the Margins | Tracing Back 15 Years of Sarakadee

สำนักพิมพ์ สารคดี | สำนักพิมพ์ เมืองโบราณ | วารสาร เมืองโบราณ | นิตยสาร สารคดี
[ วิริยะบุคส์ | มีอะไรใหม่ | เช่าสไลด์ | ๑๐๘ ซองคำถาม | สมาชิก/สั่งซื้อหนังสือ | WallPaper ]

ขึ้นข้างบน (Back to Top) นิตยสาร สารคดี (Latest issue) E-mail