เมื่อคนมีสมองถูกบังคับให้ใช้เท้า

 

1230

“ประท้วงสผ.ประท้วงมาตรฐานการทำงานที่ตกลงไป ผมยอมไม่ได้หรอกที่ประเทศไทยจะกลับมาสร้างเขื่อนในป่า มาตัดถนนในป่า โดยมี สผ.เป็นคนเปิดทางให้ ผมสู้เพื่อระบบสิ่งแวดล้อมระบบการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย

ผมต้องการใช้ตัวเองเรียกร้องต่อสาธารณชน ว่ายังมีคนที่ตั้งใจจริงถ้าไม่บ้าจริง ไม่อึดอัดจริง ๆ คงไม่ทำแบบนี้ ตัวผมอาจจะตายได้นะกลางทางเพราะเราไม่เคยทำไง แล้วผมก็แก่แล้วด้วย มันก็ต้องแลกด้วยชีวิตมันเท่ากับแลกด้วยชีวิตแล้ว เพราะมัน 400 กิโลเมตร และผมอายุ 45

ต้องให้ฟ้าดินช่วย เพราะเราทำได้เท่านี้แล้วเรื่องข้อมูลวิชาการผมก็ไม่มีแรงทำแล้ว เพราะทำมา 2 ปี เสนอไปยื่นหนังสือไปทุกที่ ทำหนังสือสู่สาธารณะ มันก็ได้เท่านี้นึกไม่ออกว่าจะทำอะไรมากกว่านี้ผมคิดว่ามันไม่น่าจะเหลือกี่วิธีถ้าจะประท้วง”

อาจารย์ศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ให้สัมภาษณ์นักข่าว ขณะกำลังเดินเท้าจากป่าแม่วงก์มากรุงเทพมหานคร ระยะทาง 388 กิโลเมตร เป็นเวลา 13 วัน เพื่อประท้วงการทำรายงานการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพหรือ EHIA (Environment and Health Impact Assessment )ของเขื่อนแม่วงก์ ที่ไม่มีคุณภาพ ภายใต้ความรับผิดชอบของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสังคม EHIA ของเขื่อนแม่วงก์ ที่กำลังจะผ่านขั้นตอนและหลายปีมาแล้ว มูลนิธิสืบฯพยายามใช้สติปัญญา ใช้การเจรจา ใช้ความเห็นทางวิชาการเพื่อบอกถึงความไม่คุ้มค่าในการสร้างเขื่อนแห่งนี้ ที่ต้องแลกด้วยผืนป่าหมื่นกว่าไร่ แต่ดูเหมือนไร้ผล คนเหล่านี้จึงถูกบังคับให้ต้องเลือกเส้นทางเดินใหม่ในการรักษาป่าการเดินสู่ท้องถนนเพื่อประท้วงอย่างสงบจึงเป็นคำตอบ

คนตัวเล็ก ๆกลุ่มหนึ่งจึงเริ่มต้นเดินทางไกลร่วมสี่ร้อยกิโลเมตรในสิ่งที่พวกเขาเชื่อ

มีคนถามเสมอว่า ทำไมพวกนักอนุรักษ์จึงสนใจแต่ป่าไม้ สัตว์ป่า แต่ไม่ค่อยสนใจคน คำตอบคือ สนใจครับ แต่ทุกวันนี้มีคนสนใจเรื่องของคนมากเหลือเกินและมีมนุษย์เพียงหยิบมือ ที่สนใจดูแลปกป้องป่าไม้และสัตว์ป่าเพราะพวกเค้าพูดไม่ได้ ตะโกนไม่ได้ แต่ค่อย ๆ สูญพันธุ์จากการไล่ล่าไปอย่างเงียบ ๆและป่าแม่วงก์กำลังจะเป็นเหยื่อรายล่าสุด อุทยานแห่งชาติแม่วงก์เป็นป่าผืนเดียวกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งทางตอนเหนือ และเมื่อ 23ปีก่อน สืบ นาคะเสถียรเคยสละชีวิตเพื่อรักษาป่าห้วยขาแข้งและตอนที่แกยังมีชีวิตอยู่ พูดเสมอว่าหากรักษาป่ารอบ ๆห้วยขาแข้งไม่ได้มรดกโลกผืนนี้ก็ต้องถูกรุกรานแน่นอน ที่ผ่านมารัฐบาลทุกยุคพยายามสร้างเขื่อนแม่วงก์ให้ได้และหากทำสำเร็จ ป่าแม่วงก์อันเป็นเสมือนป้อมปราการทางตอนเหนือของห้วยขาแข้งถูกทำลายอีกไม่นานโครงการรุกรานป่าห้วยขาแข้งก็จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเขื่อน การตัดถนน ฯลฯ

สืบ นาคะเสถียรเคยพูดไว้ว่า

“ผมไม่เห็นด้วยที่มัวพูดกันว่า เราจะใช้ทรัพยากรอย่างไรเพื่อการพัฒนาประเทศแต่เราควรจะหันมาสนใจว่า เราจะรักษาสภาวะแวดล้อมหรือทรัพยากรที่เหลืออยู่จำกัดได้อย่างไร”

เมื่อถึงคราวที่บรรดานักอนุรักษ์ต้องลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องผืนป่าและสัตว์ป่า พวกเขาคงทำให้ดีที่สุดแพ้ชนะอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สุด แต่ในฐานะมนุษย์พวกเขาได้ทำหน้าที่เต็มที่แล้วไม่ต้องอายฟ้าดินที่เกิดมาอีกต่อไป

กรุงเทพธุรกิจ 19 กย. 56

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.