Page 180 - Skd 361-2558-03
P. 180

พ้ืนดทน่ี ต/ รเวี /ล า   มองการเมือง 
                        สังคม วัฒนธรรม
อติภพ ภัทรเดชไพศาล
                          ผ่านดนตรี

                        โดย Nathaniel LiBvoeOsrtmroconh reSesy tSrmatep 1bh8bo9inn1ys  
                                           (1847-1912)

การแสดงดนตรีสาธารณะ :                                                                    SBhttotepsb:t/ob/ninc_soS_myBmmopsothnoosn.nw_ySi_kyOimmrecpdhheioasn.otyrra_g_O/1wrc8ikh9ie/1Fs.jtiplreag:_N#1ma8teh9da1nia.jipevilge_wLiever/rFmileo:rNe_aSthtaenbibeiln_sL_ivermore_
พื้นทข่ี องอำ� นาจ

การแสดงดนตรตี ะวนั ตกแบบขนบนยิ ม                                                       ซ่งึ นน่ั กค็ อื การกำ� กับรสนยิ มในการฟงั เพลงโดยชนช้นั ผู้อปุ ถมั ภ์
                                                                                   วงดนตรีนน่ั เอง
    ในแง่หนึ่ง “การแสดงดนตรีสาธารณะ” น้ันไม่ใช่อะไรอื่น
นอกจากการเปดิ พน้ื ทใ่ี หอ้ ำ� นาจตา่ งๆ จดั ลำ� ดบั และแสดงปฏสิ มั พนั ธ์             แตเ่ มอ่ื เวลาผ่านไป ชว่ งรอยต่อระหวา่ งศตวรรษที่ ๑๙-๒๐ เมื่อ
ต่อกนั ในทศิ ทางต่างๆ                                                              ศิลปินเร่ิมต้องการอิสรภาพในการสร้างงาน (ตามคติของศิลปิน 
                                                                                   แบบโรแมนติก) การปะทะกันระหว่าง “ผู้จัดการแสดงดนตรี” กับ 
    ก่อนอนื่ ขอยกตัวอยา่ งจากฟากดนตรีตะวนั ตก                                      “ผอู้ ปุ ถมั ภ”์  จงึ เกดิ ขน้ึ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ดนตรีคลาสสิกแต่ก่อนเป็นเร่ืองของ 
ชนชั้นสูงในแวดวงราชสำ� นักตะวันตกเทา่ นั้น ดังน้ันการจัดการแสดง                        เพราะ “ผู้อุปถัมภ์” ซึ่งเป็น “ผู้ฟัง” ในขณะเดียวกัน ย่อมรู้สึก
คอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิกในสมัยก่อนจึงเปิดให้เฉพาะกลุ่มชนชั้นสูง                       ว่าการที่ผู้จัดการแสดงดนตรีเลือกบทเพลงท่ีพวกเขาไม่ชอบมา 
ไม่ใชค่ อนเสิรต์ สาธารณะ                                                           บรรเลงนั้น เป็นการลิดรอนอ�ำนาจและสิทธิพิเศษของพวกตนใน 
    การแสดงดนตรคี ลาสสกิ กลายเปน็ การแสดงคอนเสริ ต์ สาธารณะ                        ฐานะผคู้ วบคุมรสนยิ มและวฒั นธรรมทางดนตรี
ราวๆ ศตวรรษท ี่ ๑๘ เมอื่ เรมิ่ มชี นชนั้ กลางจ�ำนวนมาก พรอ้ มๆ กบั
นักดนตรีหาเลี้ยงชีพได้ด้วยการแสดงดนตรี (ผิดจากเมื่อก่อนที่ต้อง                         ความขดั แยง้ นจ้ี งึ สง่ ผลใหเ้ กดิ เรอื่ งราวอยา่ ง Scandal Concert 
พ่งึ พาการอุปถัมภจ์ ากชนชนั้ สงู ฝา่ ยเดยี ว)                                      ท่ีเวียนนาของเชินแบร์กใน ค.ศ. ๑๙๑๓ (พ.ศ. ๒๔๕๖) ซึ่งเกิดการ
    ความสมั พนั ธเ์ ชงิ อำ� นาจในการแสดงดนตรสี าธารณะจงึ แยกเปน็                   ทะเลาะเบาะแว้งในหอแสดงดนตรีอย่างรุนแรง มีการด่าทอและ
สว่ นๆ นั่นคือ                                                                     ท�ำร้ายร่างกายกันโดยกลุ่มผู้ฟังซึ่งไม่ชอบดนตรีท่ีผู้จัดการแสดง 
    ๑) ผอู้ ปุ ถมั ภ ์ ซง่ึ อาจเปน็ ชนชนั้ กลาง ชนชนั้ สงู  (ขน้ึ อยกู่ บั บรบิ ท  เลอื กบรรเลง
ทางการเมอื ง-เศรษฐกจิ แตล่ ะสมัยและแต่ละสถานท)่ี  หรือรฐั
    ๒) ผจู้ ดั การแสดงดนตร ี ผคู้ วบคมุ ทมี่ หี นา้ ทรี่ บั ผดิ ชอบการแสดง             อยา่ งไรกต็ ามในระบบทนุ นยิ มสมยั ใหมแ่ บบปจั จบุ นั  ฐานอ�ำนาจ
ทง้ั หมด                                                                           นี้เปล่ียนไปอีกครั้ง นั่นคือสถานะของ “ผู้อุปถัมภ์” เริ่มแยกขาดจาก
    ๓) ผู้ฟงั                                                                      สถานะของ “ผู้ฟัง” กลายเป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ๆ ไม่ก่ีรายในรูป
    ๔) นกั ดนตร ี ซง่ึ มอี �ำนาจนอ้ ยมาก หรอื อาจเรยี กไดว้ า่ แทบไมม่ ี           องค์กรหรือบริษัทท่ีสนับสนุนเงินทุนแก่การแสดงดนตรีด้วยปริมาณ
เลยมาแต่แรก เพราะกลายเป็นฟันเฟืองท่ีรับเงินเป็นค่าจ้างรายวัน                       มหาศาล
เท่านน้ั
    ระยะเริ่มแรกท่ีการแสดงดนตรีสาธารณะเกิดข้ึน ผู้อุปถัมภ์และ                          และความตอ้ งการเงนิ ทนุ กบ็ บี ให ้ “ผจู้ ดั การดนตร”ี  ทตี่ อ้ งการให้
ผู้ฟังมักเป็นคนเดียวกัน นั่นคือวงดนตรีคลาสสิกส่วนมากอยู่ได้ด้วย                    วงอยรู่ อด จำ� เปน็ ตอ้ งสนองตอบความตอ้ งการของ “ผอู้ ปุ ถมั ภ”์  อยา่ ง
เงินอุปถัมภ์ของชนช้ันกลาง-ชนช้ันกลางระดับสูง ซึ่งก็บริจาคเงิน                      เช่ืองเชื่อกว่าเดมิ
อุปถมั ภว์ งดนตรเี พือ่ ทพ่ี วกตนจะได้เขา้ ฟงั นน่ั แหละ
    ดังนั้นการท่ีวงดนตรีจะเลือกบรรเลงเพลงของใคร จึงขึ้นอยู่กับ                         ส่วนสถานะของ “ผู้ฟัง” ซ่ึงถือเป็น “คนส่วนใหญ่” ในหอแสดง
ผอู้ ปุ ถมั ภเ์ ปน็ สำ� คญั  วา่ ดนตรแี บบไหน ของนกั ประพนั ธค์ นใด เปน็ ท่ี       ดนตรี ก็กลับกลายเป็นปัจเจกบุคคลที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับ 
ชนื่ ชอบในหมูช่ นชั้นผู้อปุ ถัมภเ์ หล่าน้นั มากกวา่                                การแสดงดนตรีโดยตรง ถึงจะมีจ�ำนวนมากก็เป็นเพียงปริมาณ ไม่มี
                                                                                   อำ� นาจต่อรองแม้แต่น้อย

                                                                                       ยิ่งไม่ต้องพูดถึง “นักดนตรี” ท่ีเป็นเพียงลูกจ้างประจ�ำดังกล่าว
                                                                                   ข้างต้น

                                                                                       ดังน้ันความสัมพันธ์เชิงอ�ำนาจในการแสดงดนตรีคลาสสิก
                                                                                   ปัจจุบันจึงเป็นไปแบบคณาธิปไตย หรือพูดง่ายๆ ว่า อ�ำนาจก�ำกับ

178 มีนาคม ๒๕๕๘
   175   176   177   178   179   180   181   182   183   184   185