Page 183 - Skd 361-2558-03
P. 183
สุดท้ายคุณบอกผมว่า “ผมย่ิงกล่าวโทษตัวเองมากเท่าใด ผมก็
ย่งิ มีสิทธพิ พิ ากษาคุณมากเทา่ นั้น”
ในทรี่ โหฐานอนั เปน็ สว่ นตวั ตวั ตนของเราจะเปลยี่ นไปแคไ่ หน เราจะ กอ่ นจากกนั วนั สดุ ทา้ ยคณุ แหยผ่ มวา่ “จะไมย่ อมรบั กบั ผมสกั นดิ
ทำ� ชวั่ มากนอ้ ยเพยี งใดหลงั เวทที ไี่ มม่ คี นเหน็ ไมต่ อ้ งคดิ ไปไกล ปรกติ เทยี วหรอื วา่ วนั น ี้ ขณะน ้ี ความนยิ มชมชนื่ ทคี่ ณุ มกี บั ตวั เองไดล้ ดนอ้ ย
แลว้ เรากค็ ดิ ชั่วในใจบ่อยๆ มใิ ชห่ รือ ถอยลงไปกวา่ เมอื่ ห้าวันมาน่.ี ..”
จะว่าไปมนุษย์ล้วนหมกมุ่นในตัวเองท้ังน้ัน มนุษย์ที่ช่วยเหลือ วนั นนั้ ผมไมไ่ ดต้ อบอะไร วนั นผ้ี มเหน็ ค�ำตอบชดั เจนขน้ึ จงึ อยาก
ผู้อ่ืน ท�ำส่ิงดีๆ ให้แก่โลกและสังคม ก็หมกมุ่นในความดีงามของตน บอกคุณว่า หลังจากได้พูดคุย (ฟังเสียส่วนใหญ่) กับคุณ ตอนแรก
เช่นกัน เราเชื่อมโยงวันนี้กับเมื่อวานและพรุ่งน้ีได้ด้วย “ตัวฉัน” ผมรู้สึกหมดหวังกับเพื่อนมนุษย์ กับตัวเองและชีวิต ผมคิดว่าเกม
เพราะส่ิงนี้เป็นสิ่งเดียวท่ีต่อเนื่องไม่ขาดช่วง ดังที่คุณบอกผมใน ชีวิตที่ประกอบด้วยผู้รับผิดและผู้พิพากษาน้ันน่าหดหู่เสียนี่กระไร
คืนนั้น “นอกนั้นมีแต่ความกระท่อนกระแท่น มีแต่หนังสือที่เราอ่าน เหตุใดเราต้องหายใจไปวันๆ เพื่อเล่นเกมน้ีไปจนตาย แต่เม่ือเวลา
ไมจ่ บ เพื่อนๆ ทเี่ รารกั ไม่จรงิ และผหู้ ญิงท่ีเราไม่อยากได้อกี แลว้ ” ผา่ น แอลกอฮอลจ์ างไปจากเสน้ เลอื ด นง่ั คดิ ดดู ๆี ผมพบวา่ ยงั มหี วงั
ตลกดีที่คุณน่ังพิพากษาตัวเองให้ผมฟัง แต่จะว่าไปก็คล้ายคุณ ความหวังทีว่ า่ คืออะไรนะ่ หรือ
ก�ำลังพูดถึงมนุษย์ทั่วไปน่ันแหละ ยากนะที่จะมีใครพิพากษาตัวเอง ผมเหน็ ความหวงั นนั้ จากคณุ นนั่ แหละ, หากมนษุ ยท์ ว่ั ไปเปน็ ได้
ยืดยาว เพราะคนเราชอบพิพากษาคนอื่นมากกว่า คุณเองมิใช่หรือ สักครึ่งหน่ึงของคุณในคืนน้ัน โลกอาจน่าอยู่ข้ึนก็เป็นได้ หันกลับมา
ทแ่ี นะนำ� ผมวา่ “มที างปอ้ งกนั อยทู่ างเดยี ว คอื ตอ้ งรบี พพิ ากษาคนอนื่ พิพากษาตัวเองไม่น้อยไปกว่าที่ถ่มน�้ำลายรดหน้าคนอ่ืน ไม่ต้องดี
เสียก่อนท่ีเขาจะพิพากษาคุณ - จะท�ำยังไงได้ล่ะครับ ในเมื่อเราทั้ง แต่เห็นความช่ัวของตัวเองว่ามันก็ไม่ได้ต่างจากคนท่ีเราพุ่งนิ้วชี้ไปท่ี
หลายตา่ งกค็ ดิ วา่ ตนเองเปน็ ผบู้ รสิ ทุ ธดิ์ ว้ ยกนั ทง้ั นนั้ มนั เปน็ ความคดิ หน้าเขา
ทย่ี งั อยใู่ นสญั ชาตญาณของเรา-อยลู่ กึ กวา่ อยเู่ หนอื กวา่ ความคดิ อน่ื ใด หากเราไม่ได้เห็นว่าตัวเองดีงามผุดผ่อง เราคงไม่กล้าก่นด่า
ทั้งส้ิน และในอันที่จะพิทักษ์รักษาความคิดน้ีไว้ เราท�ำทุกอย่างท่ี คนอืน่ ราวกบั เปน็ เทพเจ้าพิพากษาซาตาน
จ�ำเป็นต้องท�ำ เช่นถ้าจ�ำเป็นต้องปรักปร�ำมนุษย์ท่ัวท้ังโลกรวมท้ัง ตอ้ งขอบคณุ ทคี่ ณุ ทำ� ใหค้ วามภาคภมู ใิ จในตวั เองของผมลดนอ้ ย
สวรรคด์ ว้ ย เรากจ็ ะท�ำเช่นนน้ั โดยไม่รอช้า” ถอยลง เผยให้เหน็ แกน่ แทค้ วามดิบในตวั มนษุ ยม์ ากขน้ึ
โลกคงนา่ อยกู่ วา่ น ี้ ถา้ ทกุ คนมองเหน็ เพอ่ื นมนษุ ยต์ ามธรรมชาติ
คุณค่อยๆ ท�ำให้ผมรู้สึกแย่กับตัวเองและมนุษย์มากข้ึนเร่ือยๆ ว่ามีดีมีช่ัวคล้ายๆ ตัวเรา ไม่นิยามตัวเองเป็นคนดีงามเลิศเลอและ
โดยเฉพาะเร่ือง “ป้อมถ่มน้�ำลาย” ที่คุณเล่าให้ผมฟังบนเรือล�ำนั้น เลอ่ื นลอย เทยี่ วตดั สนิ ความชว่ั ของคนอนื่ ดว้ ยการถม่ น�้ำลายใสเ่ พยี ง
หลังจากแสดงทัศนะว่าศาสนาไม่จ�ำเป็นต้องมีพระเจ้าไว้ส�ำหรับ เพราะคดิ วา่ ฉนั คอื ตัวแทนของความถกู ต้องเทา่ นั้น
ลงโทษมนุษย์ เพราะพวกเรามวี ธิ จี ดั การกันเองทโี่ หดเห้ยี มเพยี งพอ เมือ่ มนษุ ยอ์ ย่กู ับมนษุ ย ์ โลกจะน่าอยู่
แต่จะเป็นสถานท่ีน่าสยดสยองทันทีเมื่อกลายเป็นโลกของเทพ
“คุณเคยได้ยินเรื่องป้อมถ่มน้�ำลายไหมครับ ป้อมนี่ท�ำด้วย กับซาตาน ท่ีทุกคนคิดว่าตัวเองเป็นเทพผู้ผุดผ่องเป็นยองใยไร้สาร
ซีเมนต์ส�ำหรับให้นักโทษเข้าไปยืนกระดุกกระดิกไม่ได้ เปิดช่องไว้ ปนเปอื้ น
เฉพาะหนา้ เพื่อใหผ้ ู้คมุ เดนิ ผ่านแล้วถ่มน�้ำลายรด” ผมเคยเช่ือว่าถ้าอยากมีชีวิตที่ดีจงเป็น “คนดี” ให้มากข้ึน แต่
ตอนน้ีความคิดเปล่ียนไปแล้ว ผมคิดว่าถ้าอยากมีชีวิตที่ดีจงเป็น
เราตา่ งถม่ น�้ำลายรดกัน อยูท่ ว่ี ่าใครจะถ่มน้�ำลายใสใ่ ครกอ่ น “มนุษย”์ ให้มากข้นึ
ผมรสู้ กึ ประทบั ใจทค่ี ณุ คอ่ ยๆ เผยความชวั่ รา้ ยและความผดิ ของ เพราะมนษุ ยน์ น้ั เหน็ เพอ่ื นมนษุ ยด์ ว้ ยกนั เปน็ “มนษุ ย”์ มใิ ชภ่ ตู ผี
ตัวเองให้ผมฟังตลอดเวลาท่ีเราพบกัน ๕ วันน้ัน แถมยังบอกอย่าง ปศี าจ
ตรงไปตรงมาด้วยว่า “ถ้าเรายอมจ�ำนนเป็นผู้รับผิดเสียก่อน ก็จะ แต่นี่อาจเป็นความฝันอันเลื่อนลอยก็เป็นได้ ดังเช่นบทสนทนา
สามารถกา้ วไปส่ตู �ำแหนง่ ผ้พู ิพากษาได้อย่างงดงาม” ระหวา่ งทารร์ กู บั นายแพทยร์ เิ ออรใ์ น The Plaque ของ อลั แบร ์ กามู
ทาร์รูเป็นคนไม่มีพระเจ้า ไม่มีศาสนา “ปัญหาของผมอยู่ท่ีว่า
ท�ำอย่างไรเราจึงจะเปน็ นักบญุ ได้โดยไม่มศี าสนา”
นายแพทยร์ เิ ออรต์ อบทารร์ วู า่ ส�ำหรบั เขาไมห่ ว่ งใยเรอื่ งการเปน็
นกั บญุ หรือวรี บุรุษ เขาสนใจเร่ืองการเปน็ มนุษย์ธรรมดามากกวา่
“คุณกับผมต้องการอย่างเดียวกันน่ันเอง” ทาร์รูว่า “แต่ผม
ทะเยอทะยานนอ้ ยกว่าคุณ”
การเป็นมนุษย์ท่ียอมรับว่าตัวเองเป็นมนุษย์ มิได้เป็นวีรบุรุษ
หรือนกั บญุ นัน้ อาจเป็นเรอ่ื งยากทสี่ ุด
โดยเฉพาะในโลกที่ “คนดี” เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดอย่าง
ทกุ วันน้ี
คุณวา่ ไหมครับ
มนี าคม ๒๕๕๘ 181