Page 180 - Skd 373-2559-03
P. 180
หากมีคนทุกข์ร้อนใจก็จะเข้าไปรับพลังงาน หรือไม่ก็ท�ำให้บ้าน อันที่จริงผมไม่ได้ขอพรอย่างท่ีแม่เข้าใจ เพียงแต่ผม
ดปู ลอดภัยในยามคำ่� คนื เลอื กทจี่ ะภาวนาจติ ใหม้ สี ต ิ ตอ่ หนา้ ผใู้ หญใ่ จดที เี่ คารพในศาลเจา้
แทน ตอนนผ้ี มเชอ่ื ว่าท่านตจี่ เู๋ อยี๊ เปน็ คนในครอบครัว
แม้หลักของธาตุอาจจะดูเข้าใจยาก แต่จากการคุยกับ
อาจารย์พัดทองก็ท�ำให้ฮวงจุ้ยมีเหตุผลและมีหลักการให้จับต้อง ก่อนหน้าน้ีผมมักเลือกเก็บชุด “ความเช่ือ” ใส่ลิ้นชักไว้
ไดม้ ากขึ้น เสยี กอ่ น แลว้ พยายามมองแต ่ “ความเปน็ จรงิ ” มาตลอด โดยไมร่ ู้
ว่าอะไรคอื ความเป็นจรงิ
“ตี่จู๋เอ๊ียไม่ใช่ค�ำตอบของความสมบูรณ์ของชีวิต ส่วนตัว
ผมแล้วมีหรอื ไมม่ ีไมไ่ ด้ตา่ งกัน ถา้ มแี ลว้ ต้ังอย่ผู ิดท่ผี ิดทางก็จะให้ หลังจากที่ผมได้เดินทางตามหาค�ำตอบจากความสงสัย
ผลร้าย หากอยู่ถูกท่ีก็จะให้ผลที่ดี เป็นเพียงเครื่องมือเล็ก ๆ ตัว เกี่ยวกับศาลเจ้าจีนที่ต้ังอยู่ในบ้าน ทำ� ให้ผมเร่ิมเพ่งมองเรื่องราว
หนึง่ เท่านน้ั ” อาจารย์พดั ทองสรุป ของต่จี ู๋เอี๊ยอกี รอบ
มีสิ่งอื่นที่ส�ำคัญในชีวิตมากกว่าจะพะวงเร่ืองการต้ังตี่จู้ ผมพบวา่ “ตจ่ี เู๋ อย๊ี ” เปน็ หนง่ึ ในตวั แทนของประเพณแี ละ
ในบ้าน และนั่นอาจท�ำให้เราเสียโอกาสในการท�ำส่ิงมงคลอย่าง วัฒนธรรมของสังคมไทยเรามาช้านาน อาจเป็นเสมือนผู้ใหญ่
อื่นในชีวิตไป คนหนึ่งในครอบครัว ท�ำหน้าท่ีสานสัมพันธ์มาตั้งแต่โบราณ
ชกั ชวนคนในบา้ นใหม้ าท�ำสงิ่ เดียวกนั ได้มีกิจกรรมร่วมกนั
สุดท้ายผมจึงได้ถามส่ิงที่ซินแสหนุ่มไม่ได้กล่าวถึงตั้งแต่
แรก ว่าเทพเจ้าตี่จู๋เอ๊ยี นั่นอย่ใู นศาลเจา้ จรงิ หรอื เปลา่ ปจั จบุ นั เราตา่ งกม้ หนา้ เลน่ มอื ถอื และนงั่ กนิ ขา้ วจานเดยี่ ว
กันบ่อยข้ึน ท�ำให้ขาดความเชื่อมโยงของคนใกล้ตัวไป ผมเคย
“มมุ มองคนไทยเชอ่ื วา่ ทกุ ทม่ี เี จา้ ของ กอ่ นทคี่ ณุ จะเกดิ มา แอบถามตัวเองเหมือนกันว่า สิ่งใดท่ีท�ำร่วมกับพ่อแม่ได้ทุกวัน
อยู่ในบ้าน รู้ได้ยังไงว่าท่ีตรงนี้ไม่มีเจ้าของ ถ้ามีคนตายที่ตรงนี้ อย่างสม�่ำเสมอ บางทีเพียงแค่จุดธูปไหว้ต่ีจู๋เอ๊ียด้วยกันตอนเช้า
หากไม่หมดกรรมก็จะเปน็ วญิ ญาณอยตู่ รงน้แี หละ อาจจะเปน็ คำ� ตอบงา่ ย ๆ ของคำ� ถามยาก ๆ นน่ั เอง
“เพียงแต่วา่ คุณเชอื่ ในระดับไหนละ่ ” แตส่ ำ� หรบั “ความเชอื่ ” เกยี่ วกบั ตจี่ เู๋ อยี๊ ทผ่ี มไดพ้ บระหวา่ ง
การเดินทาง กลับเหมือนตลกร้ายท่ีหลากหลายไม่มีวันส้ินสุด
สดุ ท้าย ทำ� ใหผ้ มนกึ ถงึ วชิ าเขยี นแบบบนพมิ พเ์ ขยี วตอนเรยี นมหาวทิ ยาลยั
“เรา” เชื่ออะไร อาจารย์สอนไว้ว่า หากเราขยายแบบพิมพ์เขียวข้ึนไปเรื่อย ๆ เรา
ก็ต้องเขียนรายละเอียดของแบบไปอย่างไม่รู้จบ ไม่ก่อประโยชน์
“จะขออะไรกร็ ีบ ๆ ขอนะ” ใด ๆ เราจงึ จำ� เปน็ ตอ้ งคดิ เสมอวา่ พมิ พเ์ ขยี วขนาดใดจะเหมาะสม
“ขอเสร็จแล้วครบั ” กับงานช้ินน้นั
“ขอเร็วไปไหมลกู ”
บทสนทนาลา่ สดุ ไมน่ านมานใี้ นจงั หวะทผี่ มจบั กลอนประตู สุดท้ายผมอาจเพียงแค่เลือกที่จะเขียนความเช่ือ
เพื่อจะออกจากบ้านไปท�ำธุระส�ำคัญ แม่ก็ทักท้วงให้กลับมาไหว้ ลงบนพิมพ์เขียวของผมในขนาดที่พอเหมาะ ก่อนจะก้าว
ต่ีจู๋เอี๊ยเสียก่อน ผมกลับมาน่ังคุกเข่าลงกับพื้น พนมมือขึ้นไหว้ พ้นจากประตูบ้านและออกไปเผชิญกับโลกความจริง
ต่อศาลเจา้ จีนสแี ดงที่อยู่ตรงหน้า ที่มคี วามเชือ่ อนั หลากหลาย…
ชชั วาล สุวรรณสวสั ดิ ์ (อายุ ๒๔ ป ี : นักเขยี น) กานต์-นราธิป เผือกผอ่ งใส (อายุ ๒๓ ป ี : ช่างภาพ)
เป็นสถาปนิกจากร้ัวมหา’ ลัยศิลปากร ก่อนจะเป็นนักเขียนในค่ายสารคดี มีเรื่องราวหลากหลาย ความจริงมากมาย...ความรู้สึกบางอย่างซ่ึง
“ภาพถ่าย” อธิบายได้ดีกว่าค�ำพูด การใช้รูปภาพเล่าเรื่องราวเหล่านั้นอธิบาย
คร้ังที่ ๑๑ เดิมเกลียดการอ่านหนังสือ และไม่ชอบพวกนักเขียนมากนัก ความหมายในตวั มนั เองอยา่ งชดั เจน เพยี งแคพ่ ลกิ มมุ มอง ความหมายกเ็ ปลย่ี น
เพราะรู้สึกว่าไกลตัวแบบสุด ๆ กระทั่งค้นพบว่าเราต้องเขียนอะไรสักอย่างเพ่ือ ค่ายสารคดีคร้ังท่ี ๑๑ บอกให้รู้ถึงอีกมิติของการถ่ายภาพท่ีเคยรู้จัก แสดงความ
ตอบค�ำถามสังคม หรือตัวของเราเอง จึงบันทึกงานเขียนของตนเรื่อยมา จนได้ จรงิ ในแบบสารคดีทเ่ี ปน็ สารคดี
ลองสง่ งานเขยี นของตวั เองมาคา่ ยสารคดคี รงั้ ท ี่ ๑๑ และโชคดที ม่ี โี อกาสไดร้ บั คดั หนึ่งภาพเปล่ียนชีวิต-บางภาพเปลี่ยนความรู้สึก-แสดงภาพที่เป็นความ
เลือกเข้าฝึกกระบวนการท�ำงานสารคดีร่วมกับคู่หูช่างภาพ อีกทั้งได้พบครูเขียน จริง
และครูภาพเก่ง ๆ มากมาย ท�ำให้ได้หลุดเข้าสู่มิติของงานสารคดีที่เราไม่รู้จัก
และเปิดกะลาน้อย ๆ ของเราอย่างสวยงาม จึงขอฝากผลงานเขียนผ่านมุมมอง
สถาปนิกในเล่มนี้ เรื่อง “ความเชื่อระดับพิมพ์เขียว : ต่ีจู๋เอี๊ย” ไว้ในอ้อมอกอ้อม
ใจด้วยนะครบั ขอบคณุ คา่ ยสารคดีมากครบั