จากบรรณาธิการ 272 เล่าเรื่องพม่า

สารคดีฉบับที่ 272  ขอไว้อาลัยให้กับพระสงฆ์และประชาชนชาวพม่าผู้เสียชีวิตจากการถูกรัฐบาลทหารพม่าเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ขณะที่ผมกำลังเขียนต้นฉบับนี้ สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานตรงกันว่า มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่าร้อยคน แต่ทางการพม่าอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตไม่ถึงสิบคน

ก่อนหน้านี้คนพม่าที่อยู่ภายใต้การปกครองของทหารพม่ามากว่าครึ่งศตวรรษ ได้ออกมาเดินขบวนประท้วงรัฐบาลเผด็จการที่ขึ้นค่าน้ำมันรวดเดียว 500 %

เพราะรัฐบาลถังแตก ไม่มีเงินคลัง  จากการคอร์รัปชั่น และโกงกินกันมโหฬาร จึงต้องมารีดเอากับคนพม่าทั่วไป สร้างความโกรธแค้นให้กับชาวพม่าที่ยากจนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คราวนี้จึงพร้อมใจออกมาเดินนอกถนนอย่างไม่กลัวตาย โดยมีพระสงฆ์หลายหมื่นรูปเป็นหัวขบวนในการประท้วงครั้งนี้

ประท้วงกันอยู่หลายวัน ในที่สุดนายพลตาน ฉ่วย ผู้นำสูงสุดตลอดกาลของพม่าก็ไม่สนใจนานาประเทศที่เรียกร้องไม่ให้ทหารพม่าใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่เดินขบวนอย่างสงบ

นายพลตาน ฉ่วยสั่งกองทหารที่ประจำการอยู่แดนไกลมาไล่สังหาร และทุบตีชาวพม่าอย่างเลือดเย็น ต่อหน้าสายตาผู้ชมหลายล้านคนทั่วโลก ผ่านวิดีโอคลิป

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมนึกถึงเมื่อครั้งไปเที่ยวพม่าเมื่อหลายเดือนก่อน ผมซึมซับได้เลยว่า คนพม่าโดยทั่วไปเป็นคนน่ารัก จิตใจดีตามแบบฉบับของชาวพุทธ แต่ทหารพม่าไม่มีใครชอบเลย สายลับพม่ามีสอดแทรกอยู่ทั่วไปในพม่า คอยรายงานให้ทหารรู้ว่ามีใครกระด้างกระเดื่องต่อรัฐบาล

หลายเรื่องที่เผด็จการทหารพม่าสร้างไว้เพื่อให้คนพม่าด้วยกันนินทามาตลอด

เริ่มตั้งแต่การขับรถในพม่าที่นับว่าแปลกประหลาดที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

ก่อนหน้านี้คนพม่าขับรถเหมือนบ้านเรา คือขับชิดเลนซ้าย พวงมาลัยรถอยู่ด้านขวา ตามแบบประเทศอาณานิคมของอังกฤษ ต่อมาในปีพ.ศ. 2505 เมื่อนายพลเนวินทำรัฐประหารยึดอำนาจได้สำเร็จ ได้ประกาศให้ขับรถเลนชิดขวา ด้วยเหตุผลเพื่อแสดงความเป็นชาตินิยมไม่ขึ้นกับอังกฤษ ผลก็คือเกิดอุบัติเหตุคนตายบาดเจ็บมากมาย เพราะรถพวงมาลัยขวา แต่ขับเลนขวา ผลก็คือ ขับรถก็ยาก ลงจากรถไม่ระวังก็อาจถูกรถอีกฝั่งเฉี่ยวเอาได้

แต่คนพม่าด้วยกันเองเชื่อว่าสาเหตุที่นายพลเนวินเปลี่ยนเลนขับรถมาชิดขวานั้น เพราะแกเชื่อหมอดูมากกว่าเรื่องชาตินิยม  เนื่องจากหมอดูทักว่า พรรคการเมืองที่นายพลเนวินสนับสนุนเป็นพรรคฝ่ายขวา หากมีการเลือกตั้งและต้องการให้พรรคฝ่ายขวาชนะ ก็ต้องแก้เคล็ดด้วยการเปลี่ยนมาขับรถเลนขวา แทนการขับรถเลนซ้าย เนวินจึงประกาศให้เปลี่ยนแปลงการขับรถมาชิดเลนขวา

หลังจากนั้นเนวินก็ครองอำนาจมาตลอด ไม่เกี่ยวกับการทำนายของหมอดู แต่เป็นเพราะพม่าไม่เคยมีการเลือกตั้ง

พอมาถึงรัฐบาลทหารของนายพลตานฉ่วย ก็เชื่อหมอดูอีก หมอดูทำนายว่า หากจะให้ท่านผู้นำมีความมั่นคงมาก ๆ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพม่าเป็นการแก้เคล็ด โดยการย้ายเมืองหลวงจากย่างกุ้งไปเมืองแห่งใหม่มีชื่อเรียกว่า เนปิดอว์

ผมเคยนั่งรถผ่านทางเข้าเมืองหลวงแห่งใหม่ เป็นถนนแปดเลน ไฟฟ้าสว่างไสว เหมือนกับทางเข้าจังหวัดสุพรรณบุรี ขณะที่ถนนทางหลวงทั่วไปเป็นแค่สองเลนแคบ ๆ เต็มไปด้วยหลุมบ่อ เวลารถขับสวนกัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องลงข้างทางไปก่อน เพราะรัฐบาลไม่มีเงินมาซ่อมถนน

คนพม่าบอกว่าเป็นเมืองหลวงของทหาร ไม่ใช่ของประชาชน

เมืองพุกามที่ผมไปเยือนมา พบว่ามีเจดีย์ใหม่ ๆเกิดขึ้นหลายแห่ง และมีชื่อเจดีย์เหมือนชื่อนายพล  ชาวพม่าเรียกสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ว่า เจดีย์นายพล

ที่น่าสลดใจคือเจดีย์นายพลไม่ได้สร้างใหม่ แต่สร้างอยู่บนรากฐานของเจดีย์โบราณสถานเก่าแก่ของพุกาม ที่ถือว่าเป็นการทำลายมรดกของโลกโดยสิ้นเชิง

เมื่อเร็ว ๆนี้ นายพลตานฉ่วยจัดพิธีแต่งงานให้ลูกสาวตัวเอง ถือว่าเป็นงานแต่งงานที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่สุด  และบิดาได้ให้สินสมรสกับลูกสาวเป็นเงินถึง 50 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ คนพม่าเม้าท์กันทั้งเมืองว่า เป็นเงินที่คุณพ่อสั่งให้บรรดาบริษัทต่างชาติที่ไปลงทุนในพม่าบริจาคให้รายละ 1 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ

บริษัททุกแห่งในพม่าจะมีชื่อของลูกหลานนายพลพม่าเป็นกรรมการบริษัท แต่ไม่ต้องทำอะไร สิ้นเดือนก็มารับเงินเบี้ยประชุมคนละ 1,000  ดอลล่าร์สหรัฐ

ห้องรับรองภายในคฤหาสณ์ของนายพลตานฉ่วย จะมีเก้าอี้ตัวหนึ่งสูงกว่าปรกติ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้อง คนพม่านินทาว่าคือบัลลังก์ของนายพลตานฉ่วย

ผู้นำพม่าคนนี้คิดว่าตัวเองใกล้จะเป็นกษัตริย์เข้าไปทุกทีแล้ว ขณะที่ลูกสาวก็บังคับให้คนรอบข้างเรียกว่า  Princess

เมื่อประมาณห้าสิบปีก่อน พม่าได้รับการยกย่องว่าเป็นชาติที่ร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย พลเมืองมีการศึกษาสูงที่สุด ชาวพม่าเคยภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของตนเอง

แต่รัฐบาลทหารพม่าตั้งแต่นายพลเนวินมาจนถึงนายพลตานฉ่วย ได้ใช้เวลาไม่กี่สิบปี ทำให้พม่ากลายเป็นประเทศยากจนที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง

เพื่อนพม่าบอกผมว่า ประเทศเพื่อนบ้านรู้จักพม่าในฐานะ แรงงานพม่า คนใช้ราคาถูก แตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิงที่พม่าเปรียบเสมือนไข่มุกแห่งเอเชีย เป็นดินแดนของคนมีความรู้สูง พูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

ผมขับรถไปตามชนบท ได้รับทราบว่า ประชากรพม่าเป็นโรคตาบอดกันมากขึ้นโดยเฉพาะเด็ก  เพราะขาดสารอาหาร  รัฐบาลไม่เคยเหลียวแลระบบสาธารณสุข หรือปัจจัยสี่ของประชาชนเลย แม้กระทั่งเงินหรือสิ่งของที่ได้รับการบริจาคจากเมืองนอกเพื่อนำมาซื้ออาหารให้แก่คนขาดอาหาร ก็ถูกทหารพม่าโกงไปซึ่ง ๆ หน้า

ในขณะที่ทรัพยากร ป่าไม้ น้ำมัน แร่ธาตุต่าง ๆ ตกอยู่ในการครอบครองของบริษัทต่างชาติที่ได้สัมปทานมาขุดเอาไป แต่รายได้มหาศาลไม่เคยเข้าประเทศ ตกอยู่ในกระเป๋าของนายพลไม่กี่คน

ในพม่าซิมการ์ดของโทรศัพท์มือถือราคาแพงหูฉี่อันละ 80,000 บาท เพื่อป้องกันไม่ให้คนพม่าทั่วไปสื่อสารได้ ส่วนอินเตอร์เน็ตในพม่า คนธรรมดาอย่าหวังว่าจะมีโอกาสได้ท่องโลก หากไม่ใช่คนต่างชาติ หรืออภิสิทธ์ชน

แต่ที่อินเทรนและรัฐบาลทหารส่งเสริมคือหวยใต้ดิน ที่คนพม่าติดกันงอมแงม เล่นกันวันละสองรอบ โดยทายผลเลขท้ายสองตัวของการปิดตลาดหุ้นไทย ช่วงเช้าและช่วงบ่าย

เพื่อนพม่าบอกว่า ตอนที่พวกนายพลทำรัฐประหารใหม่ ๆ ก็อ้างว่าเพื่อป้องกันความแตกแยกในสังคม จึงต้องเคลื่อนกำลังทหารออกมาปกป้องประชาชน และจะรีบคืนอำนาจให้ประชาชนทันที

ผ่านไปไม่กี่ปี คนพม่าจนลงทั้งประเทศ บรรดานายพลรวยกันถ้วนหน้า และยังแบ่งสันปันส่วนครองอำนาจกันต่อไป

มหาวิทยาลัยของคนพม่าถูกปิดไปหลายแห่ง แต่มีมหาวิทยาลัยที่รับเฉพาะลูกหลานของทหารเปิดสอนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นวิศวกรรม แพทย์ เภสัชกร ฯลฯ

ทหารพม่าเป็นชนชั้นอภิสิทธิ์ ที่รอวันล่มสลายในเร็ว ๆ นี้

วันชัย   ตันติวิทยาพิทักษ์

บรรณาธิการบริหาร

Comments

  1. ผมเคยอ่านประวัตรศาสาตร์จีนในช่วงสุดท้ายของราชวงค์ชิง เรื่องราวจะคล้ายๆ กัน สุดท้ายราชวงค์ก็ล่มสลายเพราะถูก ดร.ซุนยัตเซ็นทำการยึดอำนาจสำเร็จและนำประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตรย์ แต่ ดร.ซุนยัตเซ็น โชคมีน้อยต้องพ่ายแพ้ให้กับพรรคม คอมมิวนิสต์ อองซานซูจีก็เปรียบเสมือน ดร.ซุนยัตเซ็น แต่อองซานซูจีไม่มีกำลังทหารก็แย่หน่อย ผมเชื่อว่า ทหารพม่ารอวันล่มสลายในเร็ว ๆ นี้

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.