
จาก “เหมืองโปแตซด่านขุนทด” ถึง “เหมืองทองแม่น้ำกก” ผลกระทบข้ามพรมแดน
จาก “สนธิสัญญาพลาสติกโลก” ถึง “ปลาหมอคางดำ” หายนะทางนิเวศครั้งรุนแรงในประวัติศาสตร์
จาก “ไฟป่าแคลิฟอร์เนีย” ถึง “ทรัมป์ถอนตัวข้อตกลงปารีสฯ” นโยบายของรัฐมหาอำนาจที่ทำให้เป้าหมายลดโลกร้อนสั่นคลอนและอ่อนไหว
จาก “เขื่อนหลวงพระบาง” ถึง “รื้อถอนกำแพงกันคลื่น” ประกายความหวังฟื้นฟูชายหาด
เนื่องในวาระวันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day) 5 มิถุนายน สารคดี รวบรวม 11 ข่าวสิ่งแวดล้อมต้องติดตามจากปี 2567-2568 เพื่อสร้างความตื่นตัวด้านวิกฤติสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัวเรา

1
กากแคดเมียม
ต้นเดือนเมษายน 2567 ทีมผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครตรวจพบกากแคดเมียมและกากสังกะสีกว่า 15,000 ตัน ซุกซ่อนในโรงงานบริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด ซอยกองพนันพล ถนนเอกชัย กลางเมืองสมุทรสาคร
แคดเมียม (Cd) เป็นโลหะหนักและเป็นสารก่อมะเร็ง เมื่อถูกความร้อนจะเกิดควัน หากสูดดมเข้าไปอาจทำให้เกิดการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดท้อง ปอด ไต และตับถูกทำลาย เกิดผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
กากแคดเมียมที่พบในโรงงานถูกขนมาจากโรงงานบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนต์ (มหาชน) จังหวัดตาก แต่ปริมาณที่ปลายทางกลับน้อยกว่าต้นทางราวหนึ่งหมื่นตัน หลังขยายผลจึงพบว่าส่วนที่หายไปนั้นซุกซ่อนอยู่ในโรงงานรีไซเคิลเถื่อนที่ตำบลคลองกิ่ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ท่ามกลางข้อสงสัยว่าสารพิษอันตรายเหล่านี้มีเส้นทางขนส่งอย่างไร มีส่วนที่สูญหายหรือผ่านการหลอมละลายไปแล้วหรือไม่
เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นโรงงานที่กองพนันพลหรือคลองกิ่วต่างก็ไม่ใช่สถานที่ที่จะรับเอากากอุตสาหกรรมอันตรายร้ายแรงเช่นนี้มาดำเนินการ
หมายเหตุ : ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีประสบการณ์เรื่องสารเคมีและมลพิษ ได้คิดค้นและพัฒนากลไกฐานข้อมูลมลพิษในชื่อ “ทำเนียบการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ” หรือ PRTR (Pollutant Release and Transfer Registers) เป็นการสร้างระบบฐานข้อมูลเกี่ยวกับชนิดและปริมาณมลพิษที่ถูกปลดปล่อยจากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ สู่สิ่งแวดล้อม ทั้งอากาศ ดิน น้ำ รวมถึงข้อมูลการนำน้ำเสียและของเสียจากแหล่งกำเนิดไปบำบัดหรือกำจัด เผยแพร่สู่สาธารณชน
ประเทศไทยมีพันธกรณีตามอนุสัญญาระหว่างประเทศที่จะต้องจัดทำ PRTR มานานแล้ว แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่นำเสนอ กระทั่งต้นปี พ.ศ. 2563 “ร่างกฎหมายการรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม” หรือ “กฎหมาย PRTR” จัดทำโดยมูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) ร่วมกับมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (ENLAW) จึงถูกยื่นเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร แต่ถูกพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีปัดตกเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564

2
เหมืองโปแตซด่านขุนทด
หลังเปลี่ยนผ่านจาก พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2510 มาสู่ พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 ที่เพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน การจัดตั้งคณะกรรมการเฝ้าระวังและตรวจสอบสิทธิการทำเหมือง การทำเหมืองแร่โปแตชยังเป็นประเด็นปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไข
หากไม่มีมาตรการดูแลที่เหมาะสม กิจการเหมืองโปแตชจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและสุขภาพของประชาชนในหลายมิติ หนึ่งในกิจการที่อยู่ในกระแสคัดค้านคือ “เหมืองโปแตซด่านขุนทด” ตำบลหนองไทร อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าการทำให้ดินและน้ำในพื้นที่เค็มขึ้นอย่างผิดปกติ พื้นที่เพาะปลูกข้าวและเลี้ยงสัตว์กลายเป็นดินแห้ง มีผลึกเกลือปกคลุม ไม่สามารถทำเกษตรได้เหมือนเดิม แม้แต่งานปศุสัตว์ก็ขาดแหล่งหญ้าจนต้องย้ายไปเลี้ยงสัตว์ไกลออกไป ขณะที่ บจก.ไทยคาลิ จำกัด ผู้ได้ประทานบัตรยืนยันว่าความเค็มในพื้นที่เกิดจากสภาพธรรมชาติเดิม การดำเนินการของเหมืองเป็นระบบปิด ไม่ได้ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
11 ธันวาคม 2567 บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าซื้อหุ้นบริษัท ไทยคาลิ จำกัด ในรูปแบบกิจการร่วมค้า ด้วยสัดส่วนหุ้นร้อยละ 65 จำนวนเงินกว่า 3,300 ล้านบาท

3
ปลาหมอคางดำ
การระบาดของปลาหมอคางดำเป็นหนึ่งในหายนะต่อระบบนิเวศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่รัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ กลับไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
กลางปี 2567 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกรมประมง เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่การแพร่ระบาดปลาหมอสีคางดำหรือปลาหมอคางดำ พ.ศ.2567 ครอบคลุมพื้นที่ 19 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ติดชายฝั่งทะเล
จุดเริ่มต้นการแพร่ระบาดคาดว่าจะเป็นฟาร์มแห่งหนึ่งในตำบลยี่สาร อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม กระจายพันธุ์ไปยังชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก อ่าวไทยตอนบน อ่าวไทยตอนล่าง เช่น จันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปราจีนบุรี ชุมพร สงขลา ฯลฯ
ปลาหมอคางดำมีพฤติกรรมออกหากินเป็นฝูง แย่งอาหารและกัดกินสัตว์น้ำพื้นถิ่น ทำให้เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำขาดทุนอย่างหนัก บางคนถึงขั้นล้มละลาย
13 มกราคม 2568 ตัวแทนประชาชนจาก 19 จังหวัด เดินทางไปที่ตึก CP Tower ถนนสีลม เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้บริหารบริษัท อ่านคำแถลงเรียกร้องให้ผู้ที่นำปลาหมอคางดำจากต่างประเทศเข้ามาทดลองเพาะเลี้ยงเมื่อปี 2553 แสดงความรับผิดชอบ แก้ไขปัญหา ตัวแทนฝ่ายบริหารของบริษัทลงมารับหนังสือกล่าวว่า “ ขอบคุณพี่น้องที่มาเยี่ยมเยียนพวกเราถึงบริษัท วันนี้ได้รับหนังสือจากทุกท่านแล้วเดี๋ยวจะนำเรียนต่อผู้ใหญ่ให้พิจารณา ถ้าบริษัทได้พิจารณาหรือมีความเห็นแล้วก็จะแจ้งผลให้พี่น้องต่อไป”
หลังจากนั้นตัวแทนผู้เดือดร้อนได้เดินทางไปยื่นหนังสือที่รัฐสภา แต่ถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับคำตอบหรือแนวทางแก้ไขปัญหา แม้จะมีกองทุนรับซื้อปลาแต่สถานการณ์ความรุนแรงของปัญหายังไม่ลดลง
หมายเหตุ : อ่านเพิ่มเติม
- เมื่อปลาหมอคางดำรุกล้ำน่านน้ำไทย
- “หรือจริง ๆ แล้วเรายังอยู่ในวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดของผู้ก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม”

4
สนธิสัญญาพลาสติกโลก
สนธิสัญญาพลาสติกโลก (Global Plastic Treaty) มีจุดเริ่มต้นในเดือนมีนาคม ค.ศ.2022 (พ.ศ.2565) หลังจากคณะกรรมการ 193 ประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติเข้าร่วมประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติสมัยที่ 5 ช่วงที่ 2 (UNEA-5.2) ลงมติรับรองญัตติด้านการจัดการมลพิษขยะพลาสติก กำหนดมาตรการที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ ให้จัดประชุม 5 ครั้งแล้วเสร็จภายในปี ค.ศ.2524 รับรองมาตรการภายในปี ค.ศ.2525 หากสำเร็จจะเป็นหนึ่งในการพัฒนาสนธิสัญญาที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ระหว่างปี ค.ศ.2022-2024 มีการประชุมเกิดขึ้นครบ 5 ครั้ง ล่าสุดเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคม 2024 ณ เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากลุ่มประเทศที่เข้าร่วมประชุมแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ได้แก่ กลุ่มประเทศผู้สนับสนุน “สนธิสัญญาอันทะเยอทะยาน” ต้องการลดมลพิษตลอดวงจรชีวิตพลาสติก ตั้งแต่อุตสาหกรรมปิโตรเคมี การผลิตสารตั้งต้น การบริโภค การใช้ซ้ำ การรีไซเคิล เรื่อยไปจนถึงการกำจัดขยะพลาสติกในขั้นสุดท้าย ประกอบด้วยประเทศในสหภาพยุโรป อังกฤษ ทวีปแอฟริกา ละตินอเมริกา แคริบเบียน กับประเทศที่แสดงจุดยืนในเชิงขัดขวาง เรียกตนเองว่า “ประเทศที่มีความคิดเหมือนกัน” ประกอบด้วยกลุ่มประเทศอ่าวและกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย อิหร่าน รัสเซีย อินเดีย รวมถึงสหรัฐอเมริกาและจีน
แม้การประชุมครั้งที่ 5 จะเข้มข้นและดุดัน แต่คณะกรรมการ 178 ประเทศก็ไม่สามารถบรรลุสาระสำคัญอันจะนำไปสู่การเป็นสนธิสัญญาพลาสติกโลก จนต้องขยายเวลาเจรจาครั้งที่ 5 ออกไป คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงกลางปี ค.ศ.2025 เพื่อปกป้องคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากพลาสติก
หมายเหตุ : อ่านเพิ่มเติม

5
รื้อถอนกำแพงกันคลื่น
ร่วม 20 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยคุ้นเคยกับการใช้โครงสร้างแข็งจำพวกกำแพงกันคลื่นรูปแบบต่าง ๆ แก้ไขปัญหากัดเซาะชายฝั่ง จนเกิดความเสียหายต่อชายหาดหลายแห่งที่ไม่เคยถูกกัดเซาะมาก่อน
หลังข้อเรียกร้องให้โครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นต้องทำรายงานประเมินผลกระทำสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอประสบความสำเร็จในปี 2566
ในปี 2567 เริ่มมีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ไม่จำเป็นเพื่อฟื้นฟูชายหาดและระบบนิเวศชายฝั่ง ยกตัวอย่างรอดักทรายบริเวณด้านหน้าพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จังหวัดเพชรบุรี
ชายหาดหน้าพระราชนิเวศน์มฤคทายวันมีความยาวประมาณ 1.7 กิโลเมตร เต็มไปด้วยโครงสร้างแข็งทางวิศวกรรม ไม่ว่าจะเป็นรอดักทราย 8 ตัว เขื่อนหินทิ้งนอกชายฝั่ง 6 ตัว กำแพงกันคลื่นแบบหินเรียง เขื่อนกันทรายและคลื่นปากร่องน้ำหรือเจ๊ตตี้
การรื้อถอนรอดักทรายจำนวน 3 ตัว จากที่มีอยู่ 8 ตัว ถือเป็นการรื้อถอนโครงสร้างทางวิศวกรรมชายฝั่งที่แรกของประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีกรณีรื้อถอนเสาเข็มโครงการก่อสร้างกำเเพงกันคลื่นหาดม่วงงาม
เมื่อราว 5 ปีก่อน กรมโยธาธิการเเละผังเมืองริเริ่มโครงการก่อสร้างกำเเพงกันคลื่นบนชายหาดม่วงงาม อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ความยาวเกือบ 2 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ชาวบ้านม่วงงามออกมาปกป้องชายหาด นำคดีขึ้นสู่ศาลปกครอง เก็บข้อมูลวิทยาศาสตร์ภาคพลเมืองนำเสนอความสมบูรณ์ของหาดเเละผลกระทบจากกำเเพงกันคลื่น ชี้ให้เห็นว่าที่ผ่านมาชายหาดไม่ได้ถูกกัดเซาะอย่างรุนเเรง วันที่ 25 ธันวาคม 2567 ศาลปกครองสงขลาพิพากษาให้ยกเลิกโครงการกำแพงกันคลื่น ให้รื้อถอนเสาเข็มเเละฟื้นฟูสภาพชายหาด
บนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็มีการรื้อถอนโครงสร้างแข็งบริเวณปากคลองวัดเล หาดเเม่น้ำ ที่สร้างตั้งฉากกับชายหาด ยื่นลงไปในทะเลประมาณ 10 เมตร ที่แทรกแซงและขัดขวางการเคลื่อนตัวของตะกอน ทำให้เกิดการงอกและกัดเซาะ ภาคประชาชนบนเกาะสมุยพูดคุยเเละหาทางออกร่วมกัน กระทั่งได้ข้อยุติให้รื้อถอนโครงสร้างปากคลองทั้งสองฝั่งออกเพื่อคืนสมดุลชายฝั่ง ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2567 เป็นต้นมา
หมายเหตุ : อ่านเพิ่มเติม

6
เขื่อนหลวงพระบาง เขื่อนบากแบง เขื่อนปากลาย เขื่อนสานะคาม
ปลายปี 2567 การก่อสร้างเขื่อนหลวงพระบางคืบหน้าประมาณร้อยละ 30
เขื่อนหลวงพระบางตั้งอยู่ที่บ้านห้วยโง เมืองจอมเพ็ด แขวงหลวงพระบาง ประเทศลาว เป็นเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าที่เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยาวนาน 35 ปี กำลังการผลิตติดตั้ง 1,460 เมกะวัตต์
สันเขื่อนที่ขวางกั้นแม่น้ำโขงมีความยาว 861 เมตร ระดับกักเก็บน้ำสูงสุด 312 ม.รทก ปริมาณน้ำในอ่าง 1,256 ล้าน ลบ.ม ระยะทางของภาวะน้ำเท้อ (Back water affected) 156 กิโลเมตร ต่อเนื่องไปจนถึงจุดก่อสร้างโครงการเขื่อนปากแบงในแขวงอุดมไซ ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 170 กิโลเมตร
ปัจจุบันมีการก่อสร้างสันเขื่อน ประตูน้ำ และช่องทางน้ำผ่านเขื่อนหลวงพระบางบริเวณฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ก่อนที่จะสร้างตัวโรงผลิตไฟฟ้าทางฝั่งซ้าย การก่อสร้างเริ่มตั้งแต่ปี 2563 คาดว่าแล้วเสร็จและเริ่มขายไฟฟ้าในปี 2573
นอกจากเขื่อนหลวงพระบางบนแม่น้ำโขงส่วนที่ไหลผ่านประเทศลาวยังมีโครงการก่อสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าอีกหลายแห้ง อาทิ เขื่อนปากแบง เขื่อนปากลายเขื่อนสานะคาม ท่ามกลางข้อห่วงกังวลเรื่องการทำลายสภาพธรรมชาติของแม่น้ำโขง ทำให้การเดินเรือในแม่น้ำโขงรวมถึงการทำประมงยากขึ้น ส่งผลกระทบข้ามพรมแดน ตลอดจนภาระเรื่องค่าไฟแพงที่คนไทยต้องแบกรับระยะยาว
หมายเหตุ : อ่านเพิ่มเติม
- เขื่อนหลวงพระบาง : คำถามจากเครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง และคำตอบจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
- เรื่องผลกระทบข้ามพรมแดนกรณี “เขื่อนปากแบงในลาว” เขื่อนนอกประเทศที่อยู่ใกล้ไทย
- เขื่อนปากแบง : กฎหมายสิ่งแวดล้อมไม่คุ้มครองข้ามพรมแดน ศาลปกครองสูงสุดไม่รับฟ้องคดีเขื่อนปากแบงในลาว
- ลาวยื่น PNPCA เขื่อนสานะคาม กั้นโขงเหนือ อ.เชียงคาน จ.เลย 2 กิโลเมตร
- “ระบบนิเวศที่เปลี่ยนแปลงไปในหลายมิติ ทำให้ผู้ตรวจการแผ่นดินหยิบยกเรื่องเขื่อนสานะคามขึ้นมา” เขื่อนโขง-น้ำใส-ไฟฟ้า
- เมื่อลาวเดินหน้าสร้างเขื่อนปากลายบนแม่น้ำโขงสายประธาน

7
กฎหมายประมง ม.69
ปลายปี 2567 สภาผู้แทนราษฎรเสนอแก้ไขพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 มาตรา 69 เกี่ยวข้องกับการกำหนดพื้นที่และวิธีจับปลา เพื่อเพิ่มศักยภาพในการจับปลากะตัก
จากเนื้อหาเดิมระบุ “ห้ามมิให้ผู้ใดใช้อวนล้อมจับที่มีช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตรทำประมงในเวลากลางคืน” ร่าง พรบ.แก้ไขเพิ่มเติม เสนอเปลี่ยนเป็น “ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมืออวนล้อมจับที่มีช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตรทำการประมงในเขต 12 ไมล์ทะเลนับจากแนวทะเลชายฝั่งในเวลากลางคืน เว้นแต่ตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด” หากการแก้ไขผ่านความเห็นชอบ การทำประมงนอกเขต 12 ไมล์ทะเล จะสามารถใช้อวนตาถี่ช่องตาเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร หรือที่เรียกว่า “อวนตามุ้ง” ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนโดยไม่มีความผิดตามกฎหมาย
การลงมติให้แก้ไขกฎหมายได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจนเข้าสู่ที่ประชุมของสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งลงมติไม่เห็นชอบให้ใช้อวนตาถี่ ตีกลับไปให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาใหม่
ความพยายามแก้ไขกฎหมายประมง ม.69 นำมาสู่ข้อถกเถียงและข้อกังวลจากภาคประชาสังคมและนักวิชาการที่พยายามชี้ให้เห็นผลกระทบรุนแรงต่อลูกสัตว์น้ำและระบบนิเวศทางทะเล
หมายเหตุ : อ่านเพิ่มเติม
- ข้อห่วงกังวลต่อการแก้ไขกฎหมายประมง ม.69 อนุญาตอวนล้อมตาถี่เล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร
- ชีพจรทะเลไทย ก่อนแก้ไขกฎหมายประมง ม.69

8
ไฟป่าแคลิฟอร์เนีย
กลางเดือนมกราคม ค.ศ.2025 เกิดเหตุไฟป่ารุนแรงในลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ไฟไหม้ลุกลามครอบคลุมพื้นที่กว่า 125 ตารางกิโลเมตร ประชาชนกว่า 180,000 คน ต้องอพยพ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 คน สูญหายหลายสิบ ความเสียหายทางเศรษฐกิจอาจสูงถึง 1.7 – 1.9 ล้านล้านบาท ถือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เมือง
ลอสแองเจลิส หรือ แอลเอ ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ฟากฝั่งตะวันตกติดมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริการองจากนิวยอร์กซิตี้ ภูมิประเทศประกอบด้วยหุบเขา เคยเกิดไฟไหม้หลายครั้งทั้งจากภัยธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ บางครั้งนำไปสู่ไฟป่า ด้วยสภาพอากาศที่แห้ง ภูมิประเทศเป็นหุบเขาและร่องเขาลาดชัน มีลมแรง
ไฟป่าพาลิเซดส์ (Palisades fire) เกิดขึ้นเป็นจุดแรกทางตอนใต้ติดชายฝั่งทะเล เผาทำลายย่านแปซิฟิก พาลิเซดส์ (Pacific Palisades) อันเป็นย่านหรูที่อยู่อาศัยของคนดัง จุดอื่น ๆ ที่สำคัญคือไฟป่าเคนเนธไฟร์ (Kenneth fire) และไฟป่าอีตัน (Eaton fire) ที่อยู่ห่างออกไป
ไฟป่าครั้งนี้อาจเกิดจากปรากฏการณ์ Hydroclimate Whiplash เปลี่ยนสภาพอากาศจากฝนตกหนักในปี ค.ศ.2024 สู่สภาพอากาศแห้งในปีถัดมา พืชพรรณต่าง ๆ เป็นเชื้อเพลิงชั้นดี เสริมด้วยลม Santa Ana ที่แรงและแห้งส่งสะเก็ดไฟลามไปไกลกว่า 10 กิโลเมตร สะท้อนผลกระทบร้ายแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่น่าจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกในหลายประเทศทั่วโลก

9
ทรัมป์ถอนตัวข้อตกลงปารีสฯ
โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสมัยที่ 2
หลังเข้าพิธีสาบานตนทรัมป์ลงนามยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารรวมทั้งแผนริเริ่มต่าง ๆ จำนวน 78 ฉบับ ในยุคผู้นำคนก่อน หนึ่งในนั้นคือการถอนตัวจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลังจากที่เขาเคยถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงนี้มาแล้วในปี ค.ศ.2017
ข้อตกลงปารีสฯ (Paris Agreement) ทำขึ้นเมื่อปี ค.ศ.2015 (มีผลบังคับใช้วันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ.2016) เพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส และพยายามไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับช่วงก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม กำหนดให้ประเทศต่าง ๆ จัดทำเป้าหมายและแผนการลดก๊าซเรือนกระจก บรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero emission) ภายในปี ค.ศ.2050
ทรัมป์มีความเชื่อว่า “โลกร้อน” เป็นโฆษณาชวนเชื่อ ไม่ใช่เรื่องจริง ไร้ความยุติธรรมและลำเอียง บ่อนทำลายเศรษฐกิจรวมถึงการจ้างงานในสหรัฐฯ ครั้งหนึ่งเขาเคยโพสต์ข้อความว่า “แนวคิดเรื่องภาวะโลกร้อนถูกสร้างขึ้นโดยและเพื่อคนจีน เพื่อให้ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ไม่สามารถแข่งขันได้”
“รัฐบาลทรัมป์ 2.0” อนุมัตินโยบายชุดใหญ่ที่ทำให้เป้าหมายลดโลกร้อนสั่นคลอนและอ่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการหนุนบริษัทผู้ประกอบกิจการน้ำมัน ถ่านหิน ยกเลิกเครดิตภาษีรถยนต์ไฟฟ้า ลดใช้พลังงานสะอาด ไม่สนับสนุนหลอดกระดาษ ให้กลับมาใช้หลอดพลาสติก เป็นไปได้ว่าสหรัฐฯ อาจปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้น 4 พันล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO₂e) ภายในปี ค.ศ.2030

10
ทับลาน
สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงแนวเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ผ่านช่องทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 12 กรกฎาคม 2567 กลายเป็นกระแส “saveทับลาน” และ “saveชาวบ้าน” ในโซเชียลมีเดีย
อุทยานแห่งชาติทับลานเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก “กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่” ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดนครราชสีมาและปราจีนบุรี
ย้อนไปวันที่ 14 มีนาคม 2566 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เรื่อง การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 หรือ ONE MAP ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) เสนอให้กำหนดขอบเขตอุทยานแห่งชาติทับลานใหม่
ที่ผ่านมา “แผนที่” ที่สองหน่วยงานภาครัฐ คือ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยึดถือไม่ตรงกัน ทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนระหว่างป่าอนุรักษ์กับที่ทำกิน พื้นที่ส่วนหนึ่งกรมอุทยานฯ เคยดำเนินคดีฟ้องร้องเจ้าของรีสอร์ต ที่พัก และคาดว่าเป็นบุกรุกกว่า 500 ราย คดีส่วนใหญ่ยังไม่สิ้นสุดอายุความ เกิดความกังวลว่าคดีรุกป่าของกลุ่มทุนจะถูกยกฟ้อง การแก้ปัญหาที่ดินแบบเหมาเข่งลักษณะนี้น่าจะไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม
ด้านผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนรวมทั้งฝ่ายสนับสนุนมองว่าเส้นแนวเขตเดิมส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายด้านความมั่นคงของรัฐบาลพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ที่ต้องการจัดการกับผู้ที่เข้าป่าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ มีการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติทับลานในปี 2524 ทับซ้อนพื้นที่ทำกิน การปรับแนวเขตใหม่จะทำให้ชาวบ้านมีพื้นที่ทำกิน ช่วยสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต ส่งต่อเป็นมรดกแก่ทายาทได้ ทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาสิทธิถือครองที่ดินทับซ้อนพื้นที่ป่าอนุรักษ์
การเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเป็นหัวข้อถกเถียงกันของหลายฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ชาวบ้าน ประชาชนฝ่ายสนับสนุนและคัดค้าน ต่างมีเหตุผลของกลุ่มตนแตกต่างกันออกไป
หมายเหตุ : อ่านเพิ่มเติม
- ทำความเข้าใจ #saveทับลาน ประเด็นปรับปรุงแนวเขตพื้นที่อุทยานฯ กับปัญหาที่ดินทับซ้อน 2.6 แสนไร่
- Saveทับลาน #Saveชาวบ้าน สะท้อนความไม่ไว้ใจหน่วยงานรัฐ
- เหตุใดพื้นที่ป่าอาจไม่เพิ่ม แม้ #Saveทับลาน สำเร็จ ?

11
เหมืองแม่น้ำกก
การทำเหมืองทอง รวมถึงแร่หายาก หรือ แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) บริเวณตอนใต้ของรัฐฉาน ประเทศพม่า ทำให้แม่น้ำกกที่ไหลเข้าสู่ภาคเหนือของประเทศไทยอาบสารพิษ
หลายปีแล้วที่กิจการเหมืองทองทางตอนใต้ของรัฐฉานขยายตัว ผลพวงจากจากราคาทองคำในตลาดโลกที่สูงขึ้น ผู้ได้รับสัมปทานเหมืองส่วนใหญ่เป็นบริษัทจีน มีทั้งเหมืองที่ได้รับสัมปทานถูกต้องตามกฎหมายและเหมืองเถื่อน พื้นที่ประกอบกิจการส่วนหนึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของกองกำลังผสมรัฐว้า (UWSA)
บางเหมืองอยู่ห่างชายแดนไทย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ไม่ถึง 30 กิโลเมตร มีแม่น้ำกกไหลผ่านสองประเทศ
แม่น้ำกกเป็นแม่น้ำนานาชาติ มีต้นกำเนิดทางตอนเหนือของเมืองกก รัฐฉาน ไหลเข้ามาในประเทศไทยที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านตัวเมืองเชียงราย แล้วไหลไปลงแม่น้ำโขงบริเวณสบกก อำเภอเชียงแสน
โดยทั่วไปแล้วการทำเหมืองแร่ต้องใช้สารเคมีหลายชนิดแยกโลหะที่ไม่ต้องการออก ต้องผ่านขั้นตอนถลุง บด เผา ผ่านกระบวนการทางเคมี หากไม่มีกติกาควบคุม ปล่อยสารเคมีเล็ดรอดสู่ผืนดินหรือแหล่งน้ำย่อมทำให้เกิดการปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ พืชพรรณและสัตว์ชนิดต่าง ๆ รวมถึงสุขอนามัยของผู้อยู่ท้ายน้ำ
การทำเหมืองใกล้แม่น้ำกกในรัฐฉานก่อให้เกิดผลกระทบข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Problems) เช่นเดียวกับการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขง หรือการปล่อยฝุ่นควันอันเป็นที่มาของปัญหาฝุ่น PM2.5 ข้ามพรมแดน
(ภาพ : มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ Google Maps)
หมายเหตุ : อ่านเพิ่มเติม